7 สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Super Mario Run จากปากผู้ให้กำเนิดมาริโอ้ Shigeru Miyamoto
หลังจากที่เกม Super Mario Run ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วบน iOS ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 เว็บไซต์ Wired ก็ได้รายงานคำกล่าวของ Shigeru Miyamoto ผู้ให้กำเนิดเกมซีรีส์มาริโอ้ ซึ่งเขาได้พูดหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกม Super Mario Run ดังนี้
1. เกมมาริโอ้ที่ให้ผู้เล่นกดปุ่มกระโดดเพียงปุ่มเดียวนั้นมีมาตั้งแต่ยุคเครื่อง Wii แล้ว โดยให้กดปุ่ม A ที่ Wiimote เพื่อกระโดด แต่ในตอนนั้นไม่ได้ถูกพัฒนาออกมาจำหน่ายเนื่องจากเขาเห็นว่ามันไม่เหมาะกับคอนโซล จึงออกมากลายเป็น Super Mario Run บนสมาร์ทโฟนในปัจจุบันแทน
2. ไอเดียของ Super Mario Run มาจากวิดีโอ Speedrun เกมมาริโอ้บนยูทูบ ที่มีแฟน ๆ หลายคนพยายามเล่นเกมซีรีส์มาริโอ้ภาคต่าง ๆ ให้จบโดยใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการวิ่งตลอดทั้งเกมแบบไม่หยุด ซึ่งเขาเห็นว่ามันน่าจะเหมาะถ้าทำเกมมาริโอ้บนสมาร์ทโฟนให้วิ่งไปตลอดทั้งเกม และปรับตัวเกมที่ใคร ๆ ก็สามารถเล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นแบบแคชชวลหรือฮาร์ดคอร์ก็ตาม
3. มิยาโมโตะไม่ได้ดูแลการพัฒนาเกมมาริโอ้เลย หลังจากภาค Super Mario Galaxy บนเครื่อง Wii ในปี 2007 เป็นต้นมา และเพิ่งจะได้กลับมาดูการพัฒนาอีกครั้งใน Super Mario Run
4. Super Mario Run ไม่ได้เป็นเพียงมินิเกมแบบเล็ก ๆ แต่มันต้องใช้ทีมพัฒนาถึง 3 ทีมมาช่วยกันทำเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโหมดที่หลากหลายและด่านที่มีให้เล่นมากมาย
5. Super Mario Run ถูกพัฒนามาเพื่อเจาะตลาดผู้เล่นสองกลุ่มคือ ผู้ใหญ่ที่เติบโตมากับเกมของนินเทนโดแต่ปัจจุบันไม่ได้ซื้อเครื่องเกมมาเล่นแล้ว และเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาเป็นแฟนเกมนินเทนโดจากสมาร์ทโฟน
6. ถึงแม้ Nintendo Switch จะถูกออกแบบมาให้เล่นได้ทั้งบนทีวีจอใหญ่และเล่นแบบแท็บเล็ต แต่มันก็ยังคงเป็นเครื่องคอนโซลที่เน้นการเล่นในบ้านกับครอบครัวอยู่เหมือนเดิม โดยเพิ่มความสามารถในการพกพาไปเล่นข้างนอกเพื่อเจาะตลาดเกมสมาร์ทโฟนในยุคนี้ไปด้วย
7. มิยาโมโตะไม่มีความคิดที่จะนำเกมมาริโอ้ภาคเก่า ๆ มาลงสมาร์ทโฟน โดยเขาให้เหตุผลว่ามันไม่น่าตื่นเต้น และมันก็ไม่เหมาะที่จะเล่นบนสมาร์ทโฟนด้วย อีกอย่างคือการนำเกมเก่า ๆ มาขายใหม่บนสมาร์ทโฟนนั้นถึงแม้ว่าแฟน ๆ อาจจะชอบ แต่คนส่วนใหญ่คงจะไม่เสียเงินซื้อมันหรอก นอกเสียจากจะปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรี ซึ่งเขาอยากทำเกมที่มีมูลค่าและผู้เล่นเต็มใจที่จะซื้อมันมากกว่า
ภาพจาก
nintendo,
wired
