สอนเล่นเกม Pokémon Go ด้วย คู่มือ Pokémon Go ตั้งแต่เริ่มต้น สำหรับเทรนเนอร์มือใหม่ ทั้ง Android และ iOS
คงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้เลยว่าเกม Pokémon Go เป็นเกมมือถือที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น (อ่านข่าว Pokémon Go เปิดตัวในประเทศไทย) แต่ในต่างประเทศก็ฮิตไม่แพ้กัน โดยเกม Pokémon Go นั้น เป็นเกมที่จะพาผู้เล่นเข้าไปสู่โลกแห่งโปเกมอนจริง ๆ ด้วยเทคโนโลยี AR หรือการจำลองสภาพแวดล้อมให้ปรากฏเหมือนสภาพแวดล้อมในโลกจริง ซึ่งทำให้ผู้เล่นได้เห็นเหล่ามอนสเตอร์โปเกมอนตัวเป็น ๆ ผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนถนนหนทางที่คุณยืนอยู่ทุกที่
วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีเล่นเกม Pokémon Go ตั้งแต่เริ่มต้น รวมถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ควรรู้ มาแนะนำให้เหล่าเทรนเนอร์ทั้งบน Android และ iOS ได้อ่านและทำความเข้าใจกัน ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย
1. ดาวน์โหลดเกม Pokémon Go สำหรับ Android และ iOS เพื่อติดตั้งเกมลงเครื่อง
2. ลงทะเบียนสำหรับผู้เล่นใหม่ ด้วยบัญชี Pokemon Trainer Club หรือล็อกอินด้วยบัญชี Google
3. เลือกตัวละครผู้ชายหรือผู้หญิง ด้วยการจิ้มไปที่ตัวละครนั้น ๆ และคลิกเครื่องหมายถูก เพื่อยืนยันการเลือกตัวละคร
4. เลือกแต่งตัวให้เทรนเนอร์โปเกมอนได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นทรงผม, สีผม, สีผิว, ชุด, เสื้อผ้า, รองเท้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกเครื่องหมายถูกเพื่อตกลง
5. จากนั้นเกมจะให้เลือกโปเกมอนตัวแรก (Starter) ซึ่งมีให้เลือก 3 ตัว ได้แก่ Squirtle (ประเภทน้ำ), Charmander (ประเภทไฟ) และ Bulbasaur (ประเภทพืช) ด้วยการจิ้มไปที่ตัวโปเกมอนที่ต้องการ และโยน Poke Ball ให้โดนเพื่อจับโปเกมอนตัวนั้น ๆ หรือหากใครที่อยากได้โปเกมอน Pikachu ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงเดินหนีออกมาจากรัศมีวงกลมของโปเกมอนทั้ง 3 ตัวแรกไปเรื่อย ๆ ประมาณ 3-4 รอบจนกว่า Pikachu จะโผล่ขึ้นมาให้จับ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้โปเกมอนตัวแรกสำหรับเริ่มเกมแล้ว
6. เมื่อได้โปเกมอนตัวแรกแล้ว ตัวเกมจะให้ผู้เล่นตั้งชื่อตัวละคร และกดตกลง เพื่อเริ่มการเป็นเทรนเนอร์ออกล่าตามหาโปเกมอน
วิธีจับมอนสเตอร์โปเกมอนในเกม Pokémon Go
ผู้เล่นจะสามารถจับเหล่าโปเกมอนได้ก็ต่อเมื่อมีโปเกมอนปรากฏขึ้นมาในบริเวณรัศมีรอบตัวของเรา ถ้าหากไม่พบโปเกมอนอยู่รอบตัวเราเลยให้ผู้เล่นเดินไปสถานที่อื่น ๆ จนกว่าจะเจอโปเกมอนปรากฏขึ้นมาให้จับ จากนั้นให้จิ้มที่ตัวโปเกมอนเพื่อจับมันด้วย Poke Ball ส่วน Poke Ball และไอเทมอื่น ๆ นั้นสามารถหาได้จากการหมุนป้ายวงกลมตามจุด PokéStop ในสถานที่ต่าง ๆ
เมื่อผู้เล่นมีเลเวล 5 ขึ้นไป และเข้าไปที่จุด Gym จะต้องทำการเลือกทีม ดังนี้
- Team Instinct (ทีมสีเหลือง Thunder)
- Team Mystic (ทีมสีฟ้า Freezer)
- Team Valor (ทีมสีแดง Fire)
ซึ่งการเลือกทีมจะมีผลต่อการบุกยึด Gym ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้มาเป็นของทีมตัวเอง
ข้อมูลต่าง ๆ ภายในเกม Pokémon Go ที่ผู้เล่นใหม่ทุกคนควรรู้
เมนูหลักในเกม Pokémon Go ที่ผู้เล่นจะพบบนหน้าจอเกม
1. ตัวละครโปเกมอนเทรนเนอร์ หรือตัวละครแสดงตัวแทนของผู้เล่นนั่นเอง
2. มอนสเตอร์โปเกมอน ที่พบระหว่างทางเดินเพื่อรอจับ
3. ไอคอนตัวละครผู้เล่น โดยสามารถแตะเข้าไปดูข้อมูลตัวละครของเราได้ เช่น เลเวล, ค่าประสบการณ์ที่สะสมได้
4. เข็มทิศ กดเพื่อเลือกทิศทางการเดิน หรือองศาการมองของผู้เล่นได้
5. PokéStop จุดสำหรับรับ Poke Ball เพื่อเก็บสะสมไว้จับมอนสเตอร์โปเกมอน
6. Gym สถานที่ที่เหล่าโปเกมอนเทรนเนอร์ทั้งหลายต้องการครอบครองหรือยึดเพื่อสร้างแลนด์มาร์กไว้เป็นของตัวเอง โดยจะมีโปเกมอนประจำตัวที่มีเจ้าของคนอื่น ๆ เฝ้าอยู่ หากใครต้องการยึดจะต้องนำมอนสเตอร์ของผู้เล่นไปต่อสู้ เพื่อยึดสถานที่นั้น ๆ
7. Pokédex สำหรับแสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น Pokédex, Shop, Pokémon, Items, Tips และ Settings สำหรับการตั้งค่าต่าง ๆ ภายในเกม
8. ไอคอนโปเกมอน สำหรับแสดงมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณรอบ ๆ ตัวเรา
4 เมนูหลักใน Poke Ball ที่ผู้เล่นใหม่ทุกคนควรรู้
1. Pokédex
หน้าต่างแสดงเหล่าโปเกมอนที่เราเคยจับมาได้ทั้งหมด ซึ่งจะแสดงเป็นข้อมูลต่าง ๆ เช่น น้ำหนัก, ส่วนสูง, ธาตุ และรายละเอียดของโปเกมอนตัวนั้น ๆ อย่างครบถ้วน
2. Shop
ร้านขายไอเทมต่าง ๆ ในเกม Pokémon Go ที่จะช่วยให้คุณเล่นง่ายขึ้น โดยสามารถเติมเงินเพื่อซื้อเหรียญทอง และนำไปซื้อไอเทมภายในเกมได้
3. Pokémon
หน้าต่างแสดงเหล่าโปเกมอนที่เราจับได้ทั้งหมด ซึ่งสามารถเก็บสะสมได้สูงสุด 250 ตัว และสามารถอัพเลเวล (Power Up) หรือพัฒนาร่าง (Evolve) โปเกมอนตัวที่ต้องการให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ด้วยการกดไปที่ตัวโปเกมอนนั้น ๆ แต่ผู้เล่นจะต้องมีไอเทมที่ระบุไว้ตามจำนวนที่กำหนดเสียก่อนถึงจะสามารถอัพเลเวลหรือพัฒนาร่างได้
4. Items
หน้าต่างแสดงไอเทมที่ผู้เล่นมีทั้งหมด รวมถึงไอเทมที่เราซื้อมา โดยช่องเก็บไอเทมนั้นสามารถเก็บได้สูงสุด 350 ไอเทม และสามารถขยายช่องเก็บไอเทมเพิ่มได้ด้วยการซื้อเพิ่ม
7 ไอเทมเสริม Pokemon Go ที่เหล่าเทรนเทอร์ควรรู้
เชื่อว่าเทรนเนอร์โปเกมอนหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าไอเทมเสริมต่าง ๆ ที่อยู่ในร้านค้า (Shop) นั้น มีอะไร และใช้ทำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะผู้เล่นมือใหม่ ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามกันเลย
LUCKY EGGS
ช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์ (EXP) เมื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเกม Pokemon Go เช่น จับโปเกมอนได้ หรือไปรับ Poke Ball ที่จุด PokéStop เป็นต้น ซึ่งไอเทม LUCKY EGGS จะทำการเพิ่มค่าดังกล่าวให้ถึงสองเท่าในเวลา 30 นาที
INCENSE
ไอเทมน้ำหอมที่สามารถช่วยล่อโปเกมอนออกมาให้อยู่บริเวณรอบ ๆ ตัวเรา หรืออยู่ในรัศมีวงกลมของตัวผู้เล่น โดยที่ไม่ต้องเดินออกตามหาให้เสียเวลา สำหรับไอเทม INCENSE นั้น มีผลในระยะเวลา 30 นาที
EGG INCUBATORS
น่าจะคุ้นตากันเป็นอย่างดีสำหรับไอเทม EGG INCUBATORS เนื่องจากเป็นไอเทมสำหรับฟักไข่โปเกมอนในขณะที่ผู้เล่นออกเดิน โดยไอเทมฟักไข่ที่ว่านี้ จะหายไปต่อเมื่อผู้เล่นใช้ครบ 3 ครั้ง
LURE MODULES
อีกหนึ่งไอเทมสำหรับล่อโปเกมอน ซึ่งไอเทม LURE MODULES จะช่วยล่อเหล่าโปเกมอนป่าทั้งหลายเข้ามาใกล้ตัวผู้เล่น โดยไอเทมดังกล่าวจะต้องใช้ร่วมกับ PokéStop หรือจุดรับ Poke Ball นั่นเอง โดยมีผลนาน 30 นาที
BAG UPGRADE
ไอเทมสำหรับอัพเกรดกระเป๋าเพื่อให้สามารถเก็บไอเทมต่าง ๆ ได้มากขึ้นจากปกติ 500 ชิ้น ซึ่งไอเทม BAG UPGRADE จำนวน 1 ชิ้น สามารถเพิ่มช่องเก็บไอเทมได้ 50 ชิ้น
POKBALL PACK
ลูกบอลจับโปเกมอนธรรมดา ๆ (Poke Ball) ที่ขายเป็นแพ็กอยู่ในร้านค้า (Shop) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลูกบอลจับโปเกมอนแบบเร่งด่วน โดยเฉพาะคนที่ลูกบอลหมด หรือเก็บไม่ทัน
POKEMON STORAGE UPGRADE
ไอเทมเสริมสำหรับเพิ่มจำนวนเก็บโปเกมอนในกระเป๋าจากปกติ 250 ชิ้น ซึ่งไอเทม POKEMON STORAGE UPGRADE จำนวน 1 ชิ้น สามารถเพิ่มช่องเก็บโปเกมอนได้ 50 ตัว
และเพื่อป้องกันการโกงเกม Pokémon Go ที่อาจส่งผลให้ผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ อย่างเรา ๆ เกิดท้อแท้ได้ วันนี้กระปุกดอทคอมยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณกำจัดเหล่าเทรนเนอร์โปเกมอนที่เอารัดเอาเปรียบโกงผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. คลิกไปที่ Gym และตรวจสอบค่า CP ของโปเกมอนนั้น ๆ ตามภาพประกอบ หากพบว่ามีระดับสูงมากกว่า 1,000 CP หรือเกิน 2,000 CP ขึ้นไป (เฉพาะในช่วงวันแรก ๆ ที่เกมเปิดให้เล่นได้ในไทย) แน่นอนว่าเทรนเนอร์โปเกมอนคนนั้น ๆ ได้ใช้โปรแกรมช่วยเล่นนั่นเอง เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นจะเล่นจนได้โปเกมอนที่ CP สูงขนาดนั้นภายในวันแรก ๆ
2. ไปที่เว็บไซต์ Support Pokemon GO เพื่อส่งหลักฐานแจ้งแบนไอดี Pokémon Go นั้น ๆ โดยเริ่มกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตามนี้
- E-mail address ใส่ที่อยู่อีเมลของผู้แจ้ง
- Additional information / reasons for your request ให้ใส่ที่ช่องว่างว่า “User used GPS’s spoofing suspect”
- Your nickname ใส่ชื่อตัวละครของผู้แจ้ง
- Nickname suspected trainer (one nickname by reporting, thank you) ใส่ชื่อตัวละครเทรนเนอร์โปเกมอนผู้ที่คุณคิดว่าโกง
- Attachments แนบไฟล์ภาพที่จับภาพไว้ในขั้นตอนแรก เพื่อเป็นหลักฐานแจ้งแบน จากนั้นกดปุ่ม To Send ขวาล่างของจอ เพื่อส่งข้อมูลแจ้งแบนให้กับทีมงาน Pokémon Go ตรวจสอบ เป็นอันเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตามการแจ้งแบนจะส่งผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทีมงานของเกม Pokemon GO จะพิจารณา
สำหรับเหล่าเทรนเนอร์โปเกมมอนที่ต้องการจะเปลี่ยนชื่อตัวละคร ล่าสุด Pokemon GO ให้เปลี่ยนชื่อได้แล้ว (อ่านข่าว Pokemon GO อัพเดทเวอร์ชั่นใหม่) โดยเกม Pokemon GO จะต้องอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 1.3.0 สำหรับ iOS และเวอร์ชั่น 0.33.0 สำหรับ Android ส่วนวิธีเปลี่ยนชื่อตัวละครเกม Pokemon GO มีขั้นตอนดังนี้
1. เลือกไปที่ Poké Ball ตามภาพประกอบ
2. เลือก Settings และ Change Nickname
3. จากนั้นจะพบหน้าต่างยืนยันการเปลี่ยนชื่อ Do you want to change your nickname? ให้กด Yes เพื่อยืนยันการเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง
4. ใส่ชื่อใหม่ที่ต้องการ จากนั้นแตะปุ่ม OK เพื่อตกลงเปลี่ยนชื่อ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเปลี่ยนชื่อใหม่ในเกม Pokemon GO ได้แล้ว
ทั้งนี้ การเปลี่ยนชื่อตัวละครเกม Pokemon GO สามารถเปลี่ยนชื่อได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเหล่าเทรนเนอร์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อใหม่จะต้องคิดให้ดี ๆ เสียก่อน ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ
วิธีเปิดโหมดประหยัดแบตฯ เกม Pokémon GO
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ก็คือฟีเจอร์ Battery Saver หรือโหมดประหยัดแบตฯ มือถือที่จะช่วยให้เหล่าเทรนเนอร์โปเกมอนสามารถออกตามจับโปเกมอนได้นานขึ้นกว่าเดิม สามารถตั้งค่าโหมดประหยัดแบตฯ ได้ดังนี้
1. เลือก Poké Ball ตามภาพประกอบ
2. เลือก Settings และติ๊กถูกที่ช่องท้ายคำสั่ง Battery Saver ตามภาพประกอบ เพียงเท่านี้ เกม Pokemon GO ก็ใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยลง ทำให้ประหยัดขึ้นนั่นเอง
นอกจากฟีเจอร์ Battery Saver ยังมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก เพื่อช่วยยืดพลังงานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นอีกนิด ด้วยการปิดการฟีเจอร์การทำงานบางส่วนของเกมโปเกมอน
1. ปิดโหมด AR (Augmented Reality) ด้วยการกดที่ปุ่มเปิด-ปิด AR ที่อยู่บนหน้าจอขณะจับโปเกมอนทางด้านขวาบนให้เป็นปุ่มสีขาว
2. ปิดเสียง เกม Pokemon GO ทั้งหมด ด้วยการติ๊กถูกออกที่ช่องท้ายคำสั่ง Music และ Sound Effcets
3. ปิดการสั่นเตือน (Vibration) ด้วยการติ๊กถูกออกที่ช่องท้ายคำสั่งดังกล่าว
วิธีแจ้งลบ PokeStop หรือ Gym
หากพบเห็น PokeStop หรือ Gym ที่ไม่เหมาะ เช่น เป็นสถานที่อันตราย, ตำแหน่งผิด, ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือ เหตุผลอื่นๆ สามารถแจ้งเหตุผลในการลบได้ด้วยการเข้าไปที่นี่ >> คลิก
และทั้งหมดนี้คือวิธีเล่นเกม Pokemon GO แบบคร่าว ๆ หวังว่าวิธีที่แนะนำมาทั้งหมดน่าเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้กับเหล่าเทรนเนอร์โปเกมอนทุกคน
ภาพจาก pokemongo