สุดยอด ! อดีตหนุ่มอ้วนหนักเกิน 130 กิโลกรัม ตั้งใจฟิตหุ่นหนีโรคจนดูดีใน 10 เดือน

วิธีลดน้ำหนัก

          แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักของหนุ่มอ้วนที่เคยหนัก 132 กิโลกรัม แต่ฮึดลดความอ้วน จนกลับมาดูดีได้ใน 10 เดือน น้ำหนักลดลงถึง 43 กิโลกรัมด้วย

          ใครที่กำลังรู้สึกว่าทนกับรูปร่างอ้วน ๆ ของตัวเองไม่ไหวและอยากขจัดก้อนไขมันทิ้งแทบใจจะขาด ซึ่งบางคนเคยลองเข้าฟิตเนสมาแล้ว แต่ก็รู้สึกเหนื่อยจนท้อ แล้วล้มเลิกความตั้งใจไปในที่สุด วันนี้เราจึงหยิบเอาเรื่องราวการลดน้ำหนักที่น่าสนใจของอดีตหนุ่มอ้วนรายหนึ่งมาฝากกัน ซึ่งเขาได้แชร์บนเว็บไซต์พันทิปดอทคอมและใช้ชื่อกระทู้ว่า "10 เดือน 43 กิโลกรัม ลดความอ้วนเพื่อ เอาชนะโรค" ครับ

          ปัจจุบัน ผมอายุ 35 ปี ส่วนสูง 178 เซนติเมตร เคยมีน้ำหนักมากสุด 132 กิโลกรัม แถมมีค่า BMI สูงถึง 41.66 เรียกได้ว่าเป็นโรคอ้วนขั้นสูงสุด ตอนนั้น ผมไม่อยากทำอะไรเลย เพราะขยับตัวนิดหน่อยก็เหนื่อยและรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวแล้ว พอจะไปหาชุดขาวขนาดรอบอก 50 นิ้ว เพื่อใส่รับปริญญา ก็ไม่มี เนื่องจากต้องใส่เสื้อไซส์ 4XL หรือ 6XL กางเกงก็ต้องสั่งตัด เพราะไซส์ 44 ใส่แล้วตึง ส่วนกางเกงยีนส์นี่ไม่ต้องพูดถึง ผมไม่ใส่เกือบ 10 ปี และนี่คือภาพของผม ณ ช่วงนั้น

วิธีลดน้ำหนัก

วิธีลดน้ำหนัก
ส่วนนี่คือภาพพัฒนาการความอ้วนตั้งแต่ปี 2011-2015 ครับ

          เดือนมีนาคมปีที่แล้ว สุขภาพของผมเริ่มไม่ดี ต้องกินยาวันละ 4-5 เม็ด เพื่อบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งผมต้องพ่นยาสเตียรอยด์ทุกเช้าเพื่อไม่ให้ร่างกายแพ้ฝุ่น เพราะตื่นเช้ามาหายใจไม่ออก ทรมานมากครับ คุณหมอบอกว่าผมต้องพ่นและกินยาแบบนี้ไปตลอดชีวิต ทั้งยังมีโรคความดันและโรคไขมันในเลือดสูงด้วย ซึ่งหมอมักจะเพิ่มปริมาณยาให้เสมอ เนื่องจากปริมาณเท่าเดิมเอาไม่อยู่นั่นเอง

          ช่วงก่อนหน้านี้ บวชเป็นพระก็ลำบาก ต้องพ่นยาใส่เท้าก่อนเดินบิณฑบาต เวลาไปไหน ก็พกยาเป็นถุง ๆ แถมเตะบอลนิดเดียวก็เหนื่อยมาก ตอนไปเที่ยว ดันกลายเป็นภาระของคนอื่นที่ต้องมาคอยดูแลอีก หลังกลับมาจากเที่ยวญี่ปุ่น ผมตั้งใจว่าจะต้องลดให้ได้ จึงเริ่มหาข้อมูลการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง บวกกับได้คำปรึกษาจากพี่ที่บริษัท ซึ่งเขามีดีกรีเป็นนักเพาะกายทีมชาติเลยทีเดียว

วิธีลดน้ำหนัก

          ข้อมูลหลัก ๆ ในการลดน้ำหนักของผมคือ ห้ามอดอาหารและห้ามงดแป้ง ให้กินตามปกติ แต่เล่นเวทและฝึกคาร์ดิโอควบคู่กันไปด้วย ส่วนน้ำหนักที่เหมาะสมในการลดความอ้วน ควรอยู่ระหว่าง 0.5-3 กิโลกรัมต่อเดือน ผมเริ่มออกกำลังด้วยการเข้าฟิตเนสในหมู่บ้าน ช่วงแรกนี่ถึงกับวิ่งไม่ได้ เล่นได้ไม่นานก็ตะคริวกินทั้งขาและหน้าท้อง บอกเลยว่าทรมานสุด ๆ ซึ่งผมหันมาปั่นจักรยานและซิทอัพแทนวันละ 40-60 นาที ประมาณ 3-5 วันต่อสัปดาห์ ยังไม่ครบเดือนก็ลดไปได้ 7 กิโลกรัม แต่ยังนอนดึกตื่นเช้าอยู่ เพราะติดดูหนังและเล่นเกมบ้าง พวกน้ำอัดลมและของหวานเลิกเด็ดขาด มื้อเย็นก็กินบ้างบางวัน แต่หมูกระทะกับแฮมเบอร์เกอร์จัดเต็มเหมือนเดิม ทำอย่างนี้ประมาณ 7 เดือน ลดได้ราว ๆ 20 กิโลกรัม ส่งผลให้ความดันลดลง หัวใจเต้นช้าลง อาการหายใจไม่ออกในตอนเช้าหายไป แถมกางเกงก็เริ่มหลวมด้วย

          การที่ผมต้องเข้าโรงพยาบาลในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยครับ เพราะคุณหมอตรวจเจอว่าตับของผมมีปัญหา ผมเลยเพิ่มเวลาการออกกำลังเป็น 1-1.5 ชั่วโมงต่อวัน สัปดาห์ละ 6 วัน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมรับมือกับโรคภัย ส่วนเรื่องของอาหาร ผมเลิกกินผงชูรส ของหมักดอง และน้ำปลา หันไปกินผักต้ม สุกี้ และผลไม้สดแทน พร้อมเปลี่ยนเวลานอนให้เร็วกว่าเดิมเป็นนอนช่วง 2-4 ทุ่ม ตื่นเช้าเหมือนเดิม

วิธีลดน้ำหนัก

          ต่อมาเมื่ออาการปวดเริ่มลดลง ผมก็เริ่มกินมากขึ้น ประมาณ 2,000 แคลอรีต่อวัน โดยผมจะเลือกกินอาหารพวกต้ม ๆ เป็นส่วนใหญ่ กินวันละ 2 มื้อ คือ มื้อเช้าช่วง 7 โมง และอีกมื้อตอน 11 โมง ถ้ารู้สึกหิวช่วงบ่าย ก็จะกินผลไม้หรือขนมปังโฮลวีท ซึ่งทำให้ผมยกน้ำหนักได้มากขึ้น แต่ถ้าวันไหนรู้สึกปวดตามร่างกายมาก ๆ ผมจะพัก 1-2 วันครับ

          เรื่องสุขภาพ ความดันลงเยอะมาก จนพยาบาลทักว่าอย่าให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้วูบได้ ซึ่งตอนนี้ความดันของผมอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว อาการภูมิแพ้ก็หายไป เว้นแต่เจอฝุ่นเยอะ ๆ จะมีจามบ้าง เมื่อไม่นานมานี้หมอบอกว่าผมมีซีสต์ที่ตับและต้องผ่าตัดเอาถุงน้ำดีทิ้งด้วย ส่วนเสื้อผ้าเก่า ๆ ไซส์ 4XL ขึ้นไป ใส่ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนไปใส่ไซส์ M-L และขนาดกางเกงก็ลดลงเหลือ 34-36 ครับ

วิธีลดน้ำหนัก

          ผมอยากบอกว่า อ้วนแล้วไม่หนักหัวใครหรอก แต่หนักหัวตัวเองกับคนรอบข้าง เพราะโรครุมเร้าต่าง ๆ ทำให้ร่างกายอ่อนแอนั่นเอง นอกจากนี้ ผมคิดว่ามี 3 สิ่งที่ควรดูแลให้เหมาะสม นั่นคือ การกิน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย ตอนนี้ผมตั้งเป้าไว้ว่าจะลดน้ำหนักจนเหลือ 72 กิโลกรัม มีค่า BMI ประมาณ 22 ไซส์อกเหลือ 36 นิ้ว และรอบเอว 30 นิ้วให้ได้ สุดท้าย ก็หวังว่าเรื่องราวของผมจะช่วยเป็นกำลังใจให้ใครหลายคนลดความอ้วนได้ สู้ ๆ นะครับ

วิธีลดน้ำหนัก

          เห็นอย่างนี้แล้ว ต้องยอมรับเลยว่าการเปลี่ยนตัวเองของหนุ่มรายนี้น่าทึ่งมาก ๆ เพราะนอกจากจะกลับมามีหุ่นดีแล้ว ยังช่วยให้หายจากโรคภัยต่าง ๆ อีกด้วย เอาไปว่าใครที่อยากหุ่นดีและปลอดโรคแบบนี้ ก็ลองทำตามวิธีของเขาได้เลยครับ

ภาพจาก Bankba

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุดยอด ! อดีตหนุ่มอ้วนหนักเกิน 130 กิโลกรัม ตั้งใจฟิตหุ่นหนีโรคจนดูดีใน 10 เดือน อัปเดตล่าสุด 18 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 17:07:33 23,553 อ่าน
TOP
x close