หนุ่ม ๆ คนไหนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักหรือเพิ่งเริ่มออกกำลังเพื่อเปลี่ยนตัวเองอย่างจริงจัง แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน น้ำหนักก็ไม่ลงสักที ยิ่งไปกว่านั้น กล้ามดันไม่ขึ้นอีกต่างหาก จนหลายคนคิดจะเลิกออกกำลังให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ในเมื่อทำไปก็ไม่เห็นผล
แต่ช้าก่อน...อย่าเพิ่งท้อและหมดหวังไป ลองมาดูเรื่องราวของคุณเต้ ผู้ชายที่เคยอ้วนแต่ปัจจุบันกลายเป็นหนุ่มหุ่นดีไปแล้ว โดยเจ้าตัวได้แชร์วิธีลดน้ำหนักของตัวเองผ่านกระทู้ "รีวิว ลดน้ำหนัก + มีซิกแพค ภายใน 3 เดือน น้ำหนักลดลง 13 กิโลกรัม" บนเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เอาเป็นว่าเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยว่าเขามีวิธีลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง
ผมชื่อเต้ เป็นคนที่มีรูปร่างอ้วนมานานแล้ว ชอบกินอาหารแทบทุกอย่างโดยเฉพาะของทอดและน้ำอัดลม แถมยังชอบปาร์ตี้สังสรรค์เป็นประจำ จึงทำให้ไม่ได้ใส่ใจในการดูแลตัวเองเท่าที่ควร ซึ่งก่อนลดน้ำหนักผมหนัก 75 กิโลกรัม สูง 171 เซนติเมตร นั่นทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมาก ใส่กางเกงเอว 34 นิ้วยังคับ เลยตัดสินใจเริ่มลดความอ้วนตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 โดยการเข้าฟิตเนสกับเพื่อนไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายเลย ระหว่างนั้นผมจึงได้ศึกษาวิธีลดน้ำหนักจากอินเทอร์เน็ตด้วย
ช่วงแรกของการออกกำลัง ผมจะเข้าฟิตเนส 5 วัน พัก 2 วัน แล้วหลังจากที่ออกกำลังเสร็จแล้ว ก็จะกินอาหารแบบจัดเต็ม พร้อมงดขนมเด็ดขาด ผ่านไปเกือบเดือน น้ำหนักลดเหลือ 73 กิโลกรัม แต่กลับรู้สึกว่าทำไมลดได้แค่นี้ เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารคลีนเยอะมาก แต่ก็ยังคิดว่าไม่ใช่คำตอบสำหรับตัวเอง จึงหันไปศึกษาเรื่องแคลอรีแทน
ตามความเข้าใจของผม แคลอรีคือพลังงานที่ร่างกายจะเผาผลาญในแต่ละวัน เลยสรุปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้คนอ้วน ก็เพราะว่ากินอาหารมากกว่าการใช้งานนั่นเอง โดยปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันสำหรับผู้ชายอยู่ที่ 1,800-2,000 แคลอรี, ผู้หญิง 1,200-1,600 แคลอรี และผู้ใช้แรงงาน 2,200-2,400 แคลอรี ลองคิดดูว่าถ้าวัน ๆ เรากินอาหารแค่ 1,000 แคลอรี ร่างกายก็จะดึงไขมันจากส่วนต่าง ๆ มาใช้งาน นั่นจึงทำให้เราผอมลง แต่ผมไม่ได้ให้อดอาหารนะ เพียงแค่เลือกกินให้เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป คือช่วงฝึกงานและเริ่มเอาจริงกับการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก พร้อมทั้งได้เช่าคอนโดอยู่ ทว่าที่ฟิตเนสไม่ค่อยมีอุปกรณ์ให้เล่นสักเท่าไร แต่ผมมีดัมเบลหนัก 10 กิโลกรัม ที่ปรับน้ำหนักได้ 1 อัน และใช้ดัมเบลหนัก 5 กิโลกรัมของฟิตเนสอีก 1 อัน รวมถึงหาท่าออกกำลังที่เหมาะสมด้วย
นี่คือตารางการออกกำลังกายที่ผมจัดเอง แต่ต้องบอกก่อนว่าผมไม่เคยวิ่งหรือปั่นจักรยานเลย-วันจันทร์ : ผมจะเน้นอกและท้อง
-วันอังคาร : จะเล่นกล้ามเนื้อหลัง, แขน และท้อง
-วันพุธ : ก็สลับมาเล่นกล้ามเนื้อขากับไหล่และท้องเหมือนเดิม
-วันพฤหัสบดี : ผมจะเล่นกล้ามแขนและท้อง
-วันศุกร์ : เล่นช่วงอกและท้อง
ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์ ผมจะหยุดเล่นเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พัก
ส่วนการกินในแต่ละวัน มื้อกลางวันและมื้อเย็นอาจมีเปลี่ยนเป็นอกไก่, ข้าวกล้องกับไก่, อาหารประเภทยำ และไก่ย่าง (ลอกหนังออก) เพราะไม่สามารถกินอาหารซ้ำ ๆ แบบเดิมทุกวัน
มื้อเช้า : ผมจะกินขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ให้พลังงาน 130 แคลอรี, นมแบบ 0% ขนาด 830 มิลลิลิตร แบ่งกิน 4 ส่วน โดย 1 ส่วน จะได้พลังงาน 90 แคลอรี
มื้อกลางวัน : กินข้าวราดแกงแทบทุกวัน มีบางวันที่ห่อข้าวไปกินเอง
มื้อเย็น : หลังจากออกกำลังเสร็จ ผมจะกินไข่ต้ม 2 ฟอง ซึ่งกินเฉพาะไข่ขาว ส่วนไข่แดงกินเป็นบางครั้ง
นี่คือก่อนและหลังการออกกำลังกาย 3 เดือนของผม
และนี่เป็นรูปช่วงเข้าสู่เดือนที่ 4
ข้อดีที่ผมได้จากการลดน้ำหนักในครั้งนี้ 1. มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น โรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ ก็นาน ๆ เป็นที
2. มีวินัยในการใช้ชีวิตมากขึ้น
3. ใส่เสื้อผ้าไซส์เล็กได้และตอนนี้ใส่กางเกงไซส์ 30 ยังหลวม
4. มีความคล่องตัวมากขึ้น
ส่วนข้อเสียมีอย่างเดียวคือ "ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพราะเสื้อผ้าเก่าใส่ไม่ได้แล้ว"
มาถึงตรงนี้ ผมจะสรุปทิ้งท้ายให้คนที่อยากผอมครับ
เริ่มจากหาแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงของทอด ขนม และน้ำอัดลมให้ได้ ส่วนการออกกำลังกายนั้น ไม่ต้องรีบลด ให้ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ โดยสิ่งที่ผมบอกมาทั้งหมด เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไงแนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรยากเลย อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะทำหรือเปล่า ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมีหุ่นดีนะครับ
เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีลดน้ำหนักพร้อมกับสร้างกล้ามเนื้อของคุณเต้ ต้องบอกเลยว่าสุดยอดมาก ๆ เพราะเขาใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถเปลี่ยนพุงให้เป็นซิกแพคได้แล้ว ส่วนใครที่อยากหยิบเอาวิธีของหนุ่มคนนี้ไปใช้ ก็จัดเลย จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงกันถ้วนหน้ายังไงล่ะครับ
ภาพจาก สมาชิกหมายเลข 2651357
