หนุ่มรักสุขภาพควรรู้ ! การออกกำลังกายแบบเวตเทรนนิ่งกับคาร์ดิโอ มีข้อดีต่างกันยังไงบ้าง และควรเลือกแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง การออกกำลังกายมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมและถูกพูดถึงมากที่สุดคือ คาร์ดิโอ (Cardio) และ เวตเทรนนิ่ง (Weight Training) หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าการเล่นเวต ซึ่งทั้งสองรูปแบบนี้ต่างมีประโยชน์เฉพาะตัว แล้วคุณล่ะเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน ? โดยในวันนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจถึงข้อดี-ข้อเสีย และเป้าหมายที่แตกต่างกันของทั้งสองแบบ เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกออกกำลังกายกันได้ง่ายขึ้น เวตเทรนนิ่ง คือ การฝึกยกน้ำหนักหรือใช้น้ำหนักตัวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและขนาดของกล้ามเนื้อ เช่น การยกดัมเบล สควอต วิดพื้น หรือใช้เครื่องออกกำลังกายแบบแรงต้าน สร้างกล้ามเนื้อและรูปร่างที่กระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อหรือปรับรูปร่าง ช่วยเร่งการเผาผลาญแม้ในขณะพัก เพราะกล้ามเนื้อต้องใช้พลังงานมากขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โดยการเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก เสริมสร้างความมั่นใจเมื่อเห็นรูปร่างที่เปลี่ยนแปลง ต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ อาจต้องใช้อุปกรณ์หรือยิมในการฝึก น้ำหนักตัวอาจไม่ลดลงเร็วเหมือนการทำคาร์ดิโอ คาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่องในระดับความหนักเบาถึงปานกลาง เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เดินเร็ว เต้นแอโรบิก หรือว่ายน้ำ โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและระบบหายใจ เผาผลาญแคลอรีได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพิ่มความทนทานของหัวใจและปอด ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก ไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้มากนัก หากทำมากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อสลายได้ ผลลัพธ์อาจช้า หากเป้าหมายคือการสร้างรูปร่างที่กระชับ ในการจะเลือกรูปแบบการออกกำลังกายระหว่างคาร์ดิโอและเวตเทรนนิ่งนั้น แนะนำให้พิจารณาจากเป้าหมายของตัวเราเองดังต่อไปนี้ เป้าหมาย แนะนำให้เลือก ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว คาร์ดิโอ เพิ่มความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ เวตเทรนนิ่ง ปรับรูปร่างให้กระชับและสมส่วน ผสมผสานทั้งสอง เพิ่มความฟิตของระบบหัวใจ คาร์ดิโอ ลดเปอร์เซ็นต์ไขมันแต่ยังมีกล้ามเนื้อ เวตเทรนนิ่ง + คาร์ดิโอ ไม่มีเวลาเยอะ เวตเทรนนิ่งแบบ High-Intensity (HIIT) สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกคาร์ดิโอหรือเวตเทรนนิ่ง สิ่งสำคัญคือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าหากเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น แนะนำให้ลองทั้งสองรูปแบบเพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองกับแบบใดมากที่สุด หรือจะผสมผสานทั้งสองแบบก็เป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์ครบถ้วนทั้งในด้านสุขภาพ ความแข็งแรง และรูปร่างที่ต้องการ 10 ท่าออกกำลังกายสร้างกล้ามอก ฟิตกล้ามให้แน่นปึ้กได้ด้วยตัวเอง 12 ท่าออกกําลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อผู้ชายง่าย ๆ ที่คุณก็ทำได้ 7 วิธีลดพุงเร่งด่วนสำหรับผู้ชาย พุงยุบไว มั่นใจขึ้นเยอะ ขอบคุณข้อมูลจาก : healthline.com, health.clevelandclinic.org, nike.com, gq-magazine.co.uk
แสดงความคิดเห็น