เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก NASA
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนประเทศรัสเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ได้ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงทั้งต่อประเทศรัสเซียและทั่วโลก โดยคาดว่ามันน่าจะมีขนาดกว้างราว 18 เมตร และหนักราว 11,000 เมตริกตัน และพุ่งปะทะชั้นบรรยากาศของโลกด้วยความเร็ว 41,600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกิดการเสียดสีจนระเบิดเป็นทางยาว 23.3 กิโลเมตร เหนือเมืองเชลยาบินสค์ ประเทศรัสเซีย โดยแรงระเบิดบนชั้นบรรยากาศโลกนั้น มากกว่าแรงระเบิดถล่มเมืองฮิโรชิม่าถึง 30 เท่า ขณะที่เศษซากที่หลงเหลือจากการเผาไหม้บนชั้นบรรยากาศ ได้ตกกระแทกพื้นทิ้งให้เห็นเป็นหลุมอุกกาบาตรัศมี 50 ฟุต
แต่ใครเลยจะรู้ว่า หลังจากมีการระเบิดจากการเสียดสีของอุกกาบาตบนชั้นบรรยากาศ เพียงแค่ 3.5 ชั่วโมง ดาวเทียม Nasa-NOAA Suomi National Polar-orbiting Partnership Satellite ก็ได้ตรวจจับฝุ่นหนาในชั้นบรรยากาศ ที่ความสูงราว 40 กิโลเมตร โดยพบว่าเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอยู่บนชั้นบรรยากาศเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น ก่อนจะลอยฟุ้งไปรอบโลก และนับจากเหตุการณ์นั้น ดาวเทียมสามารถจับภาพวงแหวนฝุ่นอุกกาบาตลอยค้างครอบดาวโลกเอาไว้ได้ เกิดเป็นภาพที่น่าทึ่งอย่างที่เห็น
ทั้งนี้ นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวสเปนตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าอุกกาบาตตัวนี้น่าจะหลุดมาจากดาวเคราะห์น้อยอพอลโล ที่มักเคลื่อนตัวผ่านโลกขณะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยถูกผลักดันจากแรงดึงดูดระหว่างดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์ หรือเกิดการกระแทกทำให้หลุดจากวงโคจรเข้า
อนึ่ง เหตุการณ์อุกกาบาตตกสู่พื้นโลกครั้งนี้ ก็ได้สร้างความเสียหายไม่น้อย โดยทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 1,000 ราย รวมทั้งทำให้อาคารบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บเศษซากของอุกกาบาตนี้ไปวิจัยกันต่อได้มากกว่า 50 ชิ้นแล้ว และถึงแม้จะมีภาพหาดูยากมาให้ชมกัน แต่เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คงทำให้ชาวรัสเซียเสียขวัญเสียกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว
