รู้ไหมว่าอาหารแต่ละชนิด ทานแล้วต้องออกกำลังมากแค่ไหน

กำจัดไขมันส่วนเกิน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก askchefdennis.com

          ในปัจจุบันหลาย ๆ คนติดทานขนมขบเคี้ยวเป็นของทานเล่นยามว่างกันมาก ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายอย่างเรา โดยเฉพาะตอนกำลังทำงานหรือนั่งดูหนังพักผ่อนเพลิน ๆ ปากของคุณก็ปล่อยวางไว้ไม่ได้ เป็นต้องหาขนมนมเนยมากระแทกปากเป็นประจำ จริงอยู่ว่าสิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้อิ่มอร่อย แต่ถ้าคิดถึงปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายรับเข้าไปล่ะก็คงไม่คุ้มแน่ ๆ เพราะต้องแลกกับสุขภาพที่ย่ำแย่ลง รวมถึงความอ้วนที่มาถามหา คิดดูสิว่าจะต้องออกกำลังกายเบิร์นไขมันส่วนเกินออกไปเยอะแค่ไหนกว่าจะรีดน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำตัวอย่างอาหารที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำหนักขึ้นจากเว็บไซต์ askmen.com  พร้อมระดับการออกกำลังที่ต้องปฏิบัติเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน มาแนะนำให้ได้ทราบกันครับ

          แน่นอนว่าร่างกายของแต่ละคนย่อมมีระดับการเผาผลาญแตกต่างกัน เราจึงขอยกตัวอย่างแบบกลาง ๆ ให้หนุ่ม ๆ สามารถเปรียบเทียบได้ สมมติว่า นายกระปุกมีน้ำหนัก 80 กิโลกรัม การออกกำลังกายจะใช้แคลอรี่ไปดังนี้

          - วิ่งด้วยความเร็วกลางอย่างต่อเนื่อง 10 กม./ชม. เท่ากับ 1 ชั่วโมง เผาผลาญไป 1,000 แคลอรี่ต่อชั่วโมง

          - ปั่นจักรยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. เท่ากับ 1 ชั่วโมง เผาผลาญไป 750 แคลอรี่ต่อชั่วโมง

          - ยกเวทแบบหนักหน่วงต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง เท่ากับ เผาผลาญไป 450 แคลอรี่ต่อชั่วโมง

          ทั้งนี้ หากน้ำหนักน้อยกว่าปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญได้ก็จะน้อยลงไปตามด้วย ในขณะเดียวกันหากน้ำหนักมาขึ้น ก็จะเผาผลาญได้มากขึ้นเล็กน้อย และนี่เป็นเพียงตัวอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น แต่ก็เพียงพอจะเตือนภัยต่อหนุ่มกินจุกจิกได้ไม่น้อยเลยครับ

เพรทเซลอบกรอบ

           1. เพรทเซลอบกรอบ

          ขนมขบเคี้ยวชิ้นเล็ก ๆ โรยเกลือเค็ม ๆ หรือราดช็อกโกแลตหวาน ๆ แบบนี้ เป็นขนมอบที่บางคนไม่คิดว่าจะทำให้อ้วน แถมหยิบมาหม่ำกันเพลิน ๆ อีกด้วย แต่รู้ไหมว่าเพรทเซลแค่ 10 ชิ้นก็มีพลังงานถึง 227 แคลอรี่เลยทีเดียว แล้วต้องออกกำลังเท่าไหร่ล่ะ?

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 30 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 18 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 14 นาที

มัฟฟินบลูเบอร์รี

          2. มัฟฟินบลูเบอร์รี

          ขนมอบหวานหอม ที่ส่งกลิ่นเย้ายวนชวนให้หยิบมากินคู่กับกาแฟหรือชาสักถ้วย แต่มันกลับให้พลังงานมากถึง 380 แคลอรี่เลยทีเดียว เบ็ดเสร็จต้องออกแรงเรียกเหงื่อถึง...

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 51 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 30 นาที
         
          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 23 นาที

ข้าวโพดคั่ว

          3. ข้าวโพดคั่วรสเนยแบบใส่ไมโครเวฟ

          ขนมแห่งความบันเทิงของคนยุคเร่งรีบ เน้นความสะดวกสบาย อร่อยได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำเข้าไมโครเวฟเท่านั้นก็ทานได้ทันที แต่รู้มั้ยว่าความเอร็ดอร่อยที่ต้องแลกมานั้นมีแคลอรี่ไม่น้อยกว่าข้าวโพดคั่วที่ใช้วิธีการทำแบบดั้งเดิมราว 210  แคลอรี่ มาดูกันว่าต้องออกกำลังกายกันแค่ไหนเพื่อข้าวโพดคั่วสักถุง

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 28 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 17 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 13 นาที
ถั่วลิสงอบ
          4. ถั่วลิสงอบครึ่งถ้วย

          นี่แหละ ขนมเคี้ยวเพลินที่จะหมดถ้วยอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อหยิบกินในระหว่างทำงานหรือนั่งดูหนังอยู่ที่บ้าน เพราะถั่วลิงสงแค่ครึ่งถ้วย (4 ออนซ์) ก็ทำให้อึ้งด้วยพลังงานถึง 427 แคลอรี่เชียวนะ แล้วทีนี้ต้องเผาผลาญนานแค่ไหน มาดูกัน

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 57 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 34 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 26 นาที

 เครื่องดื่มชูกำลัง

          5. เครื่องดื่มชูกำลัง

          น่าจะทราบกันเป็นอย่างดีว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่ช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าพวกเครื่องดื่มขวดเล็ก ๆ หรือกระป๋องเหล่านี้กลับให้พลังงานถึง 280 แคลอรี่แล้ว ใครคิดจะเอาไว้ซดเล่น ขอให้ดูว่าต้องออกกำลังมากแค่ไหน

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 37 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 22 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 11 นาที

ไวท์ช็อกโกแลตร้อน

          6. ไวท์ช็อกโกแลตร้อน

          เครื่องดื่มช็อกโกแลตอีกชนิดหนึ่งที่มีรสและกลิ่นหอมหวานละมุนพร้อมคุณสมบัติของช็อกโกแลตแบบเต็ม ๆ ซึ่งยังเพิ่มความอร่อยให้มากยิ่งขึ้นด้วยนมสดและน้ำตาล (หรืออาจแทนนมด้วยครีมเทียมซึ่งอ้วนหนักกว่าเดิม) ด้วยส่วนผสมดังกล่าวมันจึงมีพลังงานมากถึง 730 แคลอรี่เลยทีเดียว มากที่สุดเท่าที่เราแนะนำกันมาเลย

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 1 ชั่วโมง 37 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 58 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 44 นาที



          7.โดนัทเคลือบช็อกโกแลต

          ขนมสุดอร่อยยอดนิยม แน่นอนว่ากระบวนทำโดนัทคือการนำแป้งไปทอดนั่นเอง ซึ่งเพียงแค่แป้งก็มีพลังงานมากพออยู่แล้ว เมื่อนำไปทอดก็ยิ่งเพิ่มไขมันเข้าไปอีก แถมยังเคลือบด้วยซอสช็อกโกแลต ทำให้ขนมชิ้นเล็ก ๆ นี้มีพลังงานสูงถึง260 แคลอรี่เลยล่ะ แล้วหากจะนำออกต้องออกกำลังกายให้ได้ตามนี้

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 35 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 21 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 16 นาที

คุกกี้ช็อกโกแลตชิป

          8. คุกกี้ช็อกโกแลตชิปชิ้นใหญ่

          ชิ้นเดียวก็เกินพอจริง ๆ สำหรับคุกกี้ช็อกโกแลตชิปชิ้นใหญ่ แต่หลายคนอาจไม่พอใช่ไหม ดังนั้น หากรู้ตัวเลขพลังงานของมันอาจจะพอเลยก็ได้ เพราะมันมีพลังงานมากถึง 196 แคลอรี่ต่อชิ้น เห็นไหมล่ะว่าแค่ชิ้นเดียวอาจต้องออกกำลังกายมากเท่านี้เลย

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 26 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 16 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 12 นาที

น้ำส้มแท้ 100 เปอร์เซ็นต์

          9. น้ำส้มแท้ 100 เปอร์เซ็นต์

          น้ำส้มเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก แต่หากดื่มในปริมาณที่มากเกินไป น้ำตาลตามธรรมชาติในน้ำส้มเองก็สามารถแปลงเป็นพลังงานส่วนเกินได้เช่นกัน โดยน้ำส้ม 1 แก้ว (12 ออนซ์) จะให้พลังงานถึง 170 แคลอรี่ โดยเราอาจต้องเผาผลาญด้วยการออกกำลังกายตามเวลาดังนี้

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 23 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 14 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 10 นาที

เบียร์

          10. เบียร์

          เวลาหลังเลิกงานกับเบียร์เย็น ๆ ถือเป็นการพักผ่อนน่าอภิรมย์ของใครหลายคน แต่เชื่อไหมว่าเบียร์แค่ขวดเล็ก (12 ออนซ์) กลับให้พลังงานถึง 150  แคลอรี่แล้ว แต่หากดื่มขวดเล็กขวดเดียวก็คงแปลกไปหน่อย เพราะคนส่วนใหญ่ดื่มกันที่ 2 ขวดขึ้นไป ซึ่งคุณผู้ชายจะได้รับพลังงานจากการดื่มอย่างน้อยถึง 300 แคลอรี่เลยล่ะ

          ยกน้ำหนักอย่างหนักหน่วง 40 นาที

          ปั่นจักยานด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. 24 นาที

          วิ่งด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. 18 นาที

          เห็นตัวเลขแคลอรี่ในอาหารขนาดนี้ คิดว่าหนุ่ม ๆ หลายคนคงอยากเลิกหาของกินจุกจิกกันไปเลยทีเดียว เพราะอาหารที่ยกตัวอย่างไปนั้น มักทำให้รู้สึกเพลิดเพลินเวลากินเข้าไป แต่ลำบากตอนเอาออกมานี่สิ เพราะฉะนั้น ถึงแม้หิวก็ควรอดทนให้ถึงเวลาอาหารจะดีกว่า ไม่ก็หาของว่างที่ไขมันต่ำมาทานรองท้องไปก่อน เช่น ผลไม้ โยเกิร์ต หรือเลือกจิบน้ำเปล่าแทนก็สามารถช่วยได้เช่นกัน แล้วเมื่อหยุดนิสัยการกินจุกจิกได้ พร้อมกับออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ไปได้อีกนานเลยครับ










เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รู้ไหมว่าอาหารแต่ละชนิด ทานแล้วต้องออกกำลังมากแค่ไหน อัปเดตล่าสุด 8 สิงหาคม 2556 เวลา 16:54:40 9,636 อ่าน
TOP
x close