เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
แน่นอนว่าเด็ก ๆ ทุกคนย่อมมีความฝันถึงอนาคตที่แตกต่างกันออกไป บ้างอยากเป็นหมอ วิศวกร นักฟุตบอล หรือแม้กระทั่งกระเป๋ารถเมล์ และนักบินอวกาศ เพราะจินตนาการที่ไม่มีขอบเขตในวัยเด็ก ทำให้ไม่มีขีดจำกัดของความฝัน แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว อาจไม่มีวี่แววของความเป็นไปได้สักเท่าไหร่
“คุณปรเมศวร์ มินศิริ” ผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ก็คืออีกหนึ่งคนที่เคยสนใจในเรื่องของดาราศาสตร์และอวกาศกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะก่อนที่จะมาเป็นเว็บมาสเตอร์แห่งเว็บไซต์กระปุกดอทคอม เขาเคยประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อใช้ส่องดูดาวมาแล้ว แม้ว่าในขณะนั้นเรื่องของอวกาศจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้ทำให้ความฝันอยากเป็นนักบินอวกาศของเด็ก ๆ หลายคน มีโอกาสเป็นจริงเข้ามาทุกที มุมมองของเขาเกี่ยวกับนักบินอวกาศจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ลองไปอ่านบทความดี ๆ จาก คุณปรเมศวร์ มินศิริ กันจ้า ..
คุณปรเมศวร์ มินศิริ
“ผมเชื่อว่าหลายคน ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบมองไปบนท้องฟ้า บนดวงดาว และเห็นว่าในโลกนี้น่าจะมีเรื่องต่าง ๆ ให้สำรวจมากมาย รวมถึงสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ นอกโลกที่เรายังไม่รู้ด้วย เรียกว่ายังมีเรื่องอีกมากที่ทำให้โลกของเราดูเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับจักรวาลที่กว้างใหญ่
หลายคนอาจจะฝันที่จะได้เป็น นักบินอวกาศ ขึ้นไปสำรวจอวกาศ แต่ว่าพอเราเห็นว่าในต่างประเทศมีโครงการสำรวจอวกาศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศต่าง ๆ ความหวังของคนไทยอย่างเราที่จะมีโอกาสได้เป็นแบบเขาบ้าง ก็ดูจะเลือนรางเหลือเกิน เพราะเราไม่มีโครงการสำรวจอวกาศแบบนั้น
บางคนต้องพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์และอวกาศให้มากขึ้น แม้แต่ตัวผมเอง ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ค่อยมีเงิน จึงทำกล้องโทรทรรศน์ง่าย ๆ ด้วยตัวเองจากท่อพีวีซี (PVC) โดยการนำท่อใหญ่มาใส่ในท่อเล็ก และซื้อเลนส์จากศึกษาภัณฑ์มาใส่เข้าไป (หากน้อง ๆ อยากลองทำก็ไปศึกษาวิธีดูได้ แต่ไม่ควรส่องกล้องขึ้นไปที่ดวงอาทิตย์นะครับ) คนที่สนใจในดาราศาสตร์ก็อาจจะใช้วิธีเหล่านี้เพื่อเรียนรู้ รวมถึงหลาย ๆ คนก็อาจจะเห็นในภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งทำให้เรารู้ว่าชีวิตของนักบินอวกาศนั้น ไม่ใช่ง่ายเลย
คำว่า นักบินอวกาศ (Astronaut) หมายความถึงคนที่ได้ขึ้นไปบนอวกาศ ไม่จำเป็นจะต้องหมายถึงเฉพาะคนที่เป็นผู้ขับยานอวกาศเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถเป็นนักบินอวกาศได้เหมือนกัน เพราะจะต้องมีการทดสอบและการเช็กสภาพร่างกาย รวมถึงจิตใจอย่างเต็มที่ ซึ่งการทดสอบนั้นเป็นการดูความพร้อม หากไม่พร้อมก็ไปอวกาศไม่ได้ ถ้าจิตใจไม่พร้อม คุณขึ้นไปกลางทางแล้ว จะเปลี่ยนใจมาลง เขาก็คงไม่ยอม คนกลัวที่แคบก็ทำไม่ได้นะครับ เราไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าเวลาขึ้นไปแล้ว ทุกคนจึงต้องถูกฝึกให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพื่อให้การทำภารกิจครบถ้วน
เมื่อเราเห็นอย่างนี้แล้ว เราจึงคิดว่ามันมีความยากลำบากหลายประการ ดังนั้นคนที่จะขึ้นไปอวกาศได้ จะต้องไม่ธรรมดา เพราะต้องใช้ทักษะ ความมั่นใจ และอีกหลาย ๆ อย่าง เพื่อจะขึ้นไปเป็นมนุษย์อวกาศได้
ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะจากที่ได้ทำงานในวงการคอมพิวเตอร์ เราจะเห็นได้ว่ามี คุณมาร์ค ชัทเทิลเวิร์ธ (Mark Shuttleworth) ซึ่งเป็นคนทำระบบปฏิบัติการ Linux ตอนที่เขาขายกิจการได้เงินมานับ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เขายังแบ่งเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขึ้นไปบนอวกาศสักครั้งในชีวิต และเขาบอกว่าการขึ้นไปสำรวจอวกาศแม้เพียงแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้เขาพบกับโลกใหม่ และจิตใจใหม่ในตัวเขา และหลังจากกลับมาชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป อยากทำสิ่งดี ๆ ให้กับโลกอีกมากมาย จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็ได้ลงมือทำจริง ๆ
เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า โอกาสของการได้ขึ้นไปอวกาศสัก 1 ครั้ง คงจะเปลี่ยนชีวิตของคนที่มีความมุ่งมั่น ให้กลับลงมาเป็นฮีโร่ตัวจริง สามารถที่จะทำสิ่งดี ๆ เพื่อคนไทยได้ในอนาคต ก็ขอให้กำลังใจและขอให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีนะครับ” ปรเมศวร์ มินศิริ
แม้จะเป็นเพียงความฝันในวัยเด็ก แต่ใครจะเชื่อว่าทุกวันนี้ คนทั่วไปก็มีโอกาสที่จะได้เป็นนักบินอวกาศ เพื่อออกไปนอกโลกกับเขาแล้วจริง ๆ และหนึ่งในคนที่จะได้ไปท่องโลกเหล่านั้น มีโควตาของคนไทยรวมอยู่ด้วย แบบนี้ใครยังไม่รู้จักโครงการ "Axe Apollo Space Academy" คงต้องรีบหาข้อมูลเพื่อเป็นส่วนหนึ่งไปเที่ยวอวกาศกันสักหน่อยแล้ว