เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
โรค Chronic Pelvis Pain Syndrome (CCPS) หรือโรคต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง (แพทย์บางท่านนิยมใช้คำว่า "กลุ่มอาการปวดท้องน้อยส่วนล่างเรื้อรัง") คืออาการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณต่อมลูกหมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ จึงทำให้เป็นเรื่องยากที่เราจะหาวิธีมารับมือกับมันได้ แต่เชื่อกันว่าหากรู้จักป้องกันเวลามีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้ ซึ่งถ้าใครต้องการรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นโรคนี้อยู่หรือไม่ ก็ต้องลองสังเกตดูว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า
ต้องการขับถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในช่วงที่พักผ่อนตอนกลางคืน ทำให้ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำตลอด
ไม่สามารถอดกลั้นปัสสาวะได้เหมือนคนทั่วไป อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดในขณะปัสสาวะด้วย ในขณะที่ปัสสาวะมักติดขัด ทำให้ต้องเบ่งจนยิ่งเจ็บปวดขึ้นอีก
มีอาการปวดบริเวณช่วงทวารหนักและถุงอัณฑะ โดยความรุนแรงของแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป บางคนปวดเพียงแค่เล็กน้อยหรือบางคนถึงขั้นทรมาน รวมทั้งปวดเป็นบางครั้งบางคราวหรือปวดตลอดเวลาเลยทีเดียว
รู้สึกเจ็บปวดระหว่างหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะช่วงที่หลั่งน้ำอสุจิ ซึ่งอาจมาปวดเอาวันต่อมาหลังจากมีเพศสัมพันธ์เลยก็ได้ ซึ่งความเจ็บปวดอาจรุนแรง ทำให้บางคนถึงกับขยาดกลัวการมีเพศสัมพันธ์เลยก็เป็นได้
อาการกำเริบ เจ็บปวดมากขึ้นเวลาที่ต้องนั่ง จนบางรายถึงกับหลีกเลี่ยงที่จะนั่ง
มักมีอาการเจ็บปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน กระดูกก้นกบ และปวดเมื่อยหลังเป็นประจำ โดยอาจเป็นที่หลังซีกซ้ายหรือขวาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งแผ่นหลัง
ความเจ็บปวดจะทุเลาลงในเวลาที่ได้ขับถ่ายหรืออาบน้ำอุ่น
เพื่อระบุให้แน่ชัดว่าคุณเป็นโรคนี้จริงหรือไม่ แพทย์จะเริ่มจากการตรวจอาการก่อนและเช็คดูว่าเป็นในระดับร้ายแรงแค่ไหน จากการตรวจต่อมลูกหมาก, ตรวจปัสสาวะ, ทดสอบไต และระบบทางเดินปัสสาวะ และอาจแนะนำให้ตรวจเลือดเพิ่ม เพื่อชี้ให้แน่ชัดว่าไม่สับสนกับโรคอื่นเป็นลำดับต่อมา จากนั้นเมื่อมั่นใจว่าเป็นโรคนี้จริง แพทย์ก็จะเก็บตัวอย่างจากของเหลวในต่อมลูกหมากไปตรวจดู หากผู้ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง ก็จะไม่พบแบคทีเรียในของเหลวดังกล่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น ระยะเวลาในการรักษา รวมถึงประสิทธิภาพนั้นอาจเห็นผลแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอาการและการดูแลตัวเองของแต่ละคน ซึ่งโอกาสกลับมาเป็นอีกครั้งก็อาจเกิดขึ้นได้ เว้นแต่ผู้ป่วยที่ได้ทำการผ่าตัดเอานิ่วไตออกไปแล้ว ที่จะหายขาดจากโรคนี้อย่างถาวร ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือ พยายามทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้ เพราะสุขภาพจิตมีผลกับร่างกายของเราด้วยเช่นกัน มันจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณฝ่าฟันโรคนี้ไปได้