เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คนสองคน เมื่อคบหาดูใจกันมานานพอสมควรแล้ว เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต้องอยากเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบ้าง ซึ่งอาจเป็นการทดลองอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ก็เป็นได้ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณทั้งคู่ รวมไปถึงครอบครัวของแต่ล่ะฝ่ายด้วย ทว่าขอให้หนุ่ม ๆ ฉุกคิดสักนิดนึงก่อนว่า พร้อมแล้วจริง ๆ หรือ กับการที่จะมีคนอีกหนึ่งคนเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เพราะจะมีความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตามมาอีกมาก และอาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ก็เป็นได้ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณลองถามใจตัวเองด้วยข้อพิจารณาต่อจากนี้ให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยตอบใหม่ว่า คุณพร้อมแล้วที่จะมีคนรักอยู่เคียงข้างตลอด 24 ชั่วโมง
1. คุณรักเธอ
เหตุผลสำคัญที่สุดที่คนส่วนมากตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันก็คือ คุณสองคนรักกันมากพอที่จะยอมเสียสละลดความเป็นตัวเองลงครึ่งนึง พร้อมที่แชร์ทุกสิ่งของคุณแล้วหรือยัง คุณรับข้อเสียของอีกฝ่ายได้ไหม และถ้าคุณยังยืนยันพร้อมที่จะดูแลเธอ ก็โอเคล่ะ
2. เคยนอนค้างคืนด้วยกัน
ย้อนกลับขึ้นมาก่อนที่ความคิดจะถลำลึกลงไปมากกว่านั้นก่อน เพราะในที่นี้หมายความว่าคุณกับเธอใช้เวลาค่ำคืนด้วยกัน ซึ่งทั้งคุณและเธออาจเคยไปค้างคืนตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันมาก่อนแล้วบ้าง เพราะการใช้เวลาร่วมกันแบบนี้จะทำให้มีโอกาสเห็นตัวตนอีกด้านนึงของแต่ละคน เช่น ทรงผมตอนเพิ่งตื่น ใบหน้าที่ปราศจากเมคอัพในตอนเช้า พฤติกรรมเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนเป็นแบบไหน รู้สึกอึดอัดรึเปล่า อย่างน้อยก็พอจะคาดเดาได้ว่าในอนาคตหากต้องอยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง
3. มีเป้าหมายในชีวิตไปในทิศทางเดียวกัน
ถ้าคุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณต้องการใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต คุณกับเธอก็ควรจะมีเป้าหมายในชีวิตไปในทิศทางเดียวกันบ้าง เช่น เรื่องการมีลูก การจัดการชีวิตคู่ การแต่งงาน ลองหันหน้าปรึกษาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งน่าจะเป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน
4. เคยทะเลาะและพยายามหาทางแก้ปัญหาร่วมกันมาก่อน
ลองนึกย้อนดูว่าก่อนหน้านี้เวลาที่คุณสองคนมีปัญหา สามารถหาข้อยุติเพื่อตกลงกันให้จบลงได้ด้วยดีมากน้อยแค่ไหน ถ้าส่วนใหญ่เคลียร์ได้ด้วยความเข้าใจก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าจบลงด้วยความแคลงใจและไม่คุยกันให้รู้เรื่อง แบบนี้สักวันต้องมีปัญหาก้อนใหญ่ตามมาแน่ เพราะเมื่อใช้ชีวิตด้วยกันก็ต้องมีปัญหากระทบกระทั่งกันแน่นอน ทางแก้ก็คือต้องรู้จักฝึกรับมือกับปัญหาต่าง ๆ แม้ในบางครั้งคุณต้องยอมเธอบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต แต่ก็ยอมเท่าที่พอให้ได้นะ ไม่ใช่สปอยล์จนเคยตัว
5. เรื่องสภาพการเงิน
การเงินถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และไม่ค่อยน่าจะนำมาพูดถึงสักเท่าไหร่นัก แต่หากพวกคุณคิดจะลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ควรที่จะคุยกันถึงเรื่องทางการเงินของทั้งสองฝ่ายบ้าง เช่น เรื่องเกี่ยวกับระบบการจัดการ ใครจะดูแลเรื่องบัญชีรายรับ - รายจ่าย ควรใช้บัญชีร่วมกันหรือยัง และอีกสารพัดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่าย
6. ลองคุยเรื่องความคาดหวังในตัวกันและกัน
ก่อนที่คุณจะย้ายไปอยู่ด้วยกันนั้น ลองนั่งคุยในเรื่องอนาคตที่พวกคุณคาดหวังกันไว้กันสักนิด เช่น คุณต้องปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ให้น้อยลงบ้าง ไม่กลับบ้านดึกจนทำให้เธอต้องเป็นห่วง หรือกฎต่าง ๆ ที่คุณทั้งสองคาดหวังไว้ว่าจะต้องเป็นรูปแบบที่พวกคุณต้องการ
7. ทริปที่เคยไปเที่ยวด้วยกันจบลงอย่างแฮปปี้เสมอ
ลองคิดถึงช่วงเวลาที่คุณและเธอออกทริปไปเที่ยวด้วยกัน ว่ามีความสุขมากน้อยแค่ไหน และคุณอยากที่จะไปอีกมั้ย เพราะการออกทริปมักมีเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้เสมอมาเป็นบททดสอบ ทั้งเรื่องการเงิน การกิน การอยู่ โดยที่ทั้งสองคนก็ต้องคิดหาทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งก็เปรียบเหมือนกับปัญหาในการใช้ชีวิตคู่ และมันก็ยังเหมือนเป็นเครื่องมือพิสูจน์ว่าคุณกับเธอพร้อมที่จะอยู่ด้วยกันหรือยัง
8. พร้อมที่จะสละความเป็นส่วนตัว
ก่อนที่เธอจะย้ายเข้ามาคุณเองอยู่แบบห้องรก ๆ น้ำไม่อาบก็ยังได้ เพราะมันคือห้องของคุณ แต่หากว่าคุณจะให้เธอย้ายเข้ามาอยู่แล้ว พฤติกรรมเหล่านั้นคุณเองต้องเปลี่ยนใหม่ซะ ถ้าคุณไม่อยากให้เธอคิดว่าคุณเห็นแก่ตัว ดังนั้นคุณก็ต้องช่วยเหลือเธอบ้าง เช่น กวาดบ้าน ล้างจาน ทำอาหาร เป็นต้น
9. มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต่างกันนัก
สมมติว่าคนหนึ่งเป็นเจ้าพ่อหรือเจ้าแม่ปาร์ตี้ ขณะที่อีกคนหนึ่งต้องการมีเวลาอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ คุณคิดว่าจะไปด้วยกันรอดเหรอ? การมีอะไรคล้าย ๆ กันนอกจากจะพูดคุยกันรู้เรื่องได้ง่ายกว่าแล้ว ยังทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เติบโตได้ดีกว่าอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น อันที่จริงความต่างก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก หากคุณสองคนยอมปรับตัวเข้าหากันแบบพอดี ๆ ไม่ต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมเสียจนสูญสิ้นความเป็นตัวของตัวเอง เพราะนั้นจะทำให้อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข ในเมื่ออีกคนต้องมานั่งทุกข์เพื่อให้อีกฝ่ายแฮปปี้
10. พร้อมเปิดใจพูดคุยทุกเรื่องด้วยความจริงใจ
ไหน ๆ คุณและเธออยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นก็ควรเล่าสู่กันฟังบ้าง เพราะเธอจะได้รู้สึกว่าคุณเชื่อใจในตัวเธอมากพอที่จะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังได้หมด ไม่ใช่พอมีเรื่องทุกข์แต่คุณกลับหันหน้าเข้าหาเพื่อนแทน หรือทนเก็บไว้ไม่เปิดเผยออกมา ถึงตอนนั้นเหตุการณ์อาจบานปลายจนยากเกินเยียวยาแล้วก็ได้ มีอะไรก็บอกกันไปตามตรง ๆ จะดีที่สุด
การย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียที่ต้องพบเจอ หากเป็นไปได้ก็ลองนำสิ่งต่าง ๆ ที่เรายกมาเล่าให้ฟัง นำไปพิจารณาดูก่อนว่าคุณพร้อมจริง ๆ แล้วจริงหรือ เพราะจะว่าไปนี้ก็เหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมเรื่องการแต่งงานอีกเหมือนกันนะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่