เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก alterbrooklyn
ช่วงหน้าร้อนแบบนี้แฟชั่นหลากสีสันหลายลวดลายมาแรงแซงทางโค้งจริง ๆ เพราะไม่เพียงแต่จะนำความสดใสมาให้เท่านั้น แต่ยังทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นสมกับช่วงซัมเมอร์เอามาก ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลกับการเลือกเสื้อผ้านั่นก็คือ เนื้อผ้าที่นำมาใช้ในการตัดเย็บ ซึ่งถ้าเลือกผิดประเภทมาสวมใส่ก็อาจจะทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิดและอึดอัดไปทั้งวันเลยก็เป็นได้ ฉะนั้นหากไม่อยากเจอกับความรู้สึกแบบนี้ล่ะก็ มาดูกันดีกว่าว่ามีเนื้อผ้าประเภทใดบ้างที่เหมาะสมจะใส่ฤดูร้อนนี้
1. ผ้าลินิน
ผ้าลินินจัดได้ว่าเป็นผ้าเก่าแก่ที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีการขุดค้นพบว่าเป็นผ้าที่ชาวอียิปต์ใช้ห่อศพมัมมี่ เนื่องจากผ้าชนิดนี้มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด เพราะถูกถักทอขึ้นจากเส้นใยของต้นแฟลกซ์ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น สามารถถ่ายเทและระบายอากาศได้ดี สวมใส่สบาย ให้สัมผัสเนียนนุ่มกว่าผ้าชนิดอื่น ที่สำคัญยังแห้งเร็วอีกด้วย ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเนื้อผ้าชนิดนี้ถึงเหมาะกับการสวมใส่ในหน้าร้อนมาก ๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีเหงื่อออกง่าย
2. ผ้าฝ้าย
คุณสมบัติของผ้าฝ้ายโดยภาพรวมนั้นคล้ายคลึงกับผ้าลินินเป็นอย่างมาก ทั้งการดูดซับความชื้น ระบายความร้อน และความรู้สึกเบาสบายเวลาสวมใส่ แต่มีความแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ผ้าฝ้ายนั้นเป็นผลผลิตที่ได้มาจากใยฝ้าย มีความยืดหยุ่นสูง ในขณะเดียวกันหาง่ายและมีราคาถูกกว่าผ้าลินิน เนื่องจากต้นฝ้ายเจริญเติบโตได้ดีในประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นเหมือนบ้านเรา
3. ผ้าไหมผสม
เมื่อพูดถึงผ้าไหมอาจทำให้ใครหลายคนคิดถึงผ้าเนื้อหนาที่มีความเรียบมันอยู่ในตัวเอง แถมขั้นตอนการดูแลรักษาก็ยากเสียเหลือเกิน ซึ่งตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนข้อด้อยต่าง ๆ ออกไปโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้นจนได้ผ้าไหมผสมที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายยามสวมใส่ สามารถระบายอากาศได้ดี และมีสีสันที่เรียบง่ายเหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น
4. ผ้าย่น
สำหรับคนที่ชอบความแปลกใหม่และทำตัวให้แตกต่างออกไปอีกนิด ผสมกับแฟชั่นหน่อย ๆ ก็อาจจะเปลี่ยนมาลองสวมใส่เสื้อเชิ้ตผ้าย่นดูบ้างน่าจะดีกว่า เพราะเนื้อผ้าชนิดนี้ไม่ได้ราบเรียบเสมอกันแบบผ้าทั่วไป แต่เนื้อผ้ามีรอยยับย่นที่เกิดจากการตัดเย็บอยู่ในตัวเอง ซึ่งให้ความเก๋ไก๋ไปอีกแบบเช่นกัน ความเป็นมาของผ้าชนิดนี้สืบเนื่องมาจากชาวอินเดียได้แนะนำให้คนชาติอื่นได้รู้จัก โดยเริ่มที่ประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะขยายความนิยมไปทั่วโลก
5. ผ้ามาร์ดาส (Madras)
ผ้าอีกหนึ่งชนิดที่เป็นผลผลิตมาจากผ้าฝ้าย เพียงแต่มีการนำมาผสมผสานเข้ากับลายสก็อต โดยมีที่มาจากชื่อเมืองมาร์ดาส ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของเมืองเชนไน ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในประเทศอินเดีย โดยตอนนี้มีเสื้อผ้าลายดังกล่าวออกมาให้เห็นกันอย่างมากมายทั้งในรูปแบบของ เสื้อเชิ้ต กางเกง รวมไปถึงแจ็คเก็ต
6. ผ้าแชมเบรย์ (Chambray)
ชื่ออาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยเห็นอย่างแน่นอน เพราะภายนอกของเนื้อผ้าชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกับผ้าเดนิมเป็นอย่างมาก แต่แท้จริงแล้วผลิตขึ้นมาจากผ้าฝ้ายล้วน หรือผ้าฝ้ายผสมเส้นใยโพลีเมอร์ และมีการใช้สารเคลือบเพื่อทำให้เนื้อผ้าแข็งแรงคงทนมากขึ้น โดยมีต้นกำเนิดมาจากเมืองเคมไบรของประเทศฝรั่งเศส ซึ้งเนื้อผ้าชนิดนี้นอกจากจะบางเบาสวมใส่สบายแล้ว ยังทำให้ผู้สวมใส่ดูดีมีสไตล์ทั้งเวลาส่วนตัว และออกงานที่เป็นทางการด้วย
7. ผ้าเฟรสโก้ (Fresco)
อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องสวมใส่เสื้อไปทำงานในหน้าร้อนนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าภายนอกของเนื้อผ้าอาจดูหนาไปสักนิด แต่กลับให้ความสบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนอกจากจะมีน้ำหนักเบาแล้ว ยังช่วยทำให้ผู้สวมไส่รู้สึกเย็นสบายกว่าสูททั่วไป อีกทั้งยังนำไปสวมใส่ได้ในทุกโอกาสทั้งแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในขณะเดียวกันให้ความรู้สึกแบบแฟชั่นนิสต้านิด ๆ ด้วย
การเลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับอากาศร้อนแบบนี้มีหลักง่าย ๆ เลยก็คือ พิจารณาจากเนื้อผ้าที่มีความบางเบา สวมใส่สบาย และระบายอากาศได้ดี เหมือนกับเนื้อผ้าทั้ง 7 ชนิดที่เราได้กล่าวถึงไปข้างต้น และหากต้องการความแตกต่างและสไตล์ที่แปลกใหม่ ก็ลองมองหาแบบที่มีสีสันกับลวดลายเท่ ๆ ก็ช่วยให้ดูดีไปอีกแบบได้เช่นกันครับ
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ 
