เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สหภาพยุโรปสั่งปรับไมโครซอฟท์ (Microsoft) กว่า 2 หมื่นล้านบาท ฐานละเมิดข้อตกลงผูกขาดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์บนระบบปฏิบัติการ Windows
เมื่อปี 2552 ไมโครซอฟท์ได้ทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรปหรืออียู ที่ระบุให้ไมโครซอฟท์ต้องเพิ่มทางเลือกกับผู้ใช้ให้สามารถใช้โปรแกรมเว็บบราวเซอร์เริ่มต้นได้หลากหลายหลังจากลงระบบปฏิบัติการ Windows ใหม่ แทนที่จะยึดติดกับโปรแกรม Internet Explorer (IE) ที่ติดตั้งมากับ Windows โดยอัตโนมัติ เพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดทางการค้า ที่ไมโครซอฟท์เคยทำมาแล้วนานกว่าสิบปี ซึ่งในขณะนั้นทางไมโครซอฟท์ยินยอมที่จะจ่ายเงินค่าปรับ 860 ล้านยูโร และสัญญาว่าต่อไปจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows มีอิสระในการเลือกโปรแกรมเว็บบราวเซอร์เริ่มต้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา อียูได้สั่งปรับไมโครซอฟท์เป็นจำนวนเงิน 561 ล้านยูโร หรือกว่า 21,900 ล้านบาท ฐานละเมิดข้อตกลงดังกล่าวกับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ในยุโรป หลังจากพบว่าระบบปฏิบัติการ Windows 7 Service Pack 1 ที่ถูกติดตั้งเป็นจำนวนกว่า 15 ล้านเครื่องในยุโรป ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2555 นั้น ไม่ได้มีหน้าจอที่เสนอทางเลือกในการใช้โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ให้กับผู้ใช้ ซึ่งไมโครซอฟท์ก็ยอมรับข้อกล่าวหาดังกล่าว และยอมจ่ายเงินค่าปรับแต่โดยดี โดยอ้างว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค
ทั้งนี้ นายโจควิน อัลมูเนีย นักการเมืองสเปนและสมาชิกกรรมาธิการยุโรป ได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียมว่า วงเงินที่สั่งปรับนั้นสะท้อนถึงปริมาณและระยะเวลาการกระทำผิดของไมโครซอฟท์ และต้องการเอากรณีของไมโครซอฟท์เป็นตัวอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทอื่น ๆ เอาเป็นแบบอย่างอีก ซึ่งตามทฤษฎีแล้วคณะกรรมาธิการยุโรปสามารถสั่งปรับไมโครซอฟท์ในวงเงิน 10% จากรายได้ผลประกอบการทั่วโลกในแต่ละปี หากมีการละเมิดข้อตกลง แต่การตัดสินลงโทษด้วยการปรับเงิน 561 ล้านยูโร นั้นก็ถือว่าเป็นบทลงโทษที่รุนแรงมากพอแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก