เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก toyota.co.uk
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555 เว็ยไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า โตโยต้า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมจ่ายเงินชดเชยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 30,660 ล้านบาท เพื่อหวังยุติคดีความกว่า 100 คดี เกี่ยวกับการที่รถเร่งเครื่องเอง และการจ่ายเงินดังกล่าว ถือเป็นการจ่ายเงินชดเชยก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่เป็นคดีความเกี่ยวกับความผิดพลาดของเครื่องยนต์ และจากการฟ้องร้องจำนวนมากดังกล่าว ก็เป็นเหตุให้ยอดขายของรถยนต์โตโยต้าหล่นฮวบฮาบ
อย่างไรก็ตาม มีผู้ยื่นฟ้องร้องคดีความในเรื่องนี้ ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งเป็นตอนที่ทางบริษัทโต้โยต้า เริ่มได้รับคำร้องเรียนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องได้เอง จนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุรถชน คนขับบาดเจ็บ หรืออาจเป็นเหตุให้เสียชีวิต จากนั้นได้มีการรวบรวมคดีทั้งหมด มายื่นฟ้องที่ศาลแขวงซานตา อันนา และแบ่งคดีออกเป็น 2 กรณี คือ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และเหตุอันอาจนำไปสู่การเสียชีวิต
ในส่วนของกรณีความสูญเสียทางเศรษฐกิจนั้น โตโยต้าได้เสนอจ่ายเงินชดเชยกว่า 7,665 ล้านบาท ให้แก่ลูกค้าที่ขาย หรือเปลี่ยนรถตั้งแต่เดือนกันยายน 2009 จนถึงเดือนธันวาคม 2010 และทางบริษัทเอง ยังจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 7,665 ล้านบาท ให้กับเจ้าของรถกว่า 16 ล้านคัน เพื่อทำประกันเพิ่มเติม ครอบคลุมในส่วนของการประกันชิ้นส่วนรถยนต์ และจ่ายเงินเพิ่มอีกกว่า 98 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบเบรกของรถ นอกจากนี้ เงินชดเชยนั้น ยังจะเอามาจัดโปรแกรมอบรมเพิ่มเติมให้กับผู้ขับขี่ และใช้เป็นเงินทุนในการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอีกด้วย
ทั้งนี้ โตโยต้า ได้เรียกรถหลายรุ่นคืนกว่า 14 ล้านคันทั่วโลก ในปี 2552 เนื่องมาจากปัญหาเกี่ยวกับการเร่งเครื่องยนต์ผิดปกติ และปัญหาเกี่ยวกับเบรกในรุ่น พรีอุซ ไฮบริด แม้ว่าทางทนายความของโตโยต้าจะบอกว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของคนขับรถ พรมบนรถที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเข้าไปติดในคันเร่ง จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาดังกล่าว ขณะที่ทางกลุ่มผู้บริโภคที่ฟ้องร้องโตโยต้า ก็โต้แย้งว่า ปัญหาพรมปูพื้นรถไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงของความบกพร่องของรถ แต่เป็นระบบเร่งความเร็วและการรักษาความปลอดภัยที่มากับตัวรถยนต์ต่างหาก