เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลาย ๆ คนอาจเกิดความสงสัยว่า ทั้งที่ตัวเองวางแผนและปฏิบัติตามแผนการออกกำลังกายที่วางเอาไว้อย่างครบถ้วน แต่ทำไมผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่คาดไว้สักที ซึ่งบางคนนอกจากจะมีน้ำหนักเท่าเดิมแล้ว รูปร่างก็ไม่เห็นจะเฟิร์มขึ้นเลยสักนิด นั่นอาจเป็นเพราะคุณออกกำลังกายผิดวิธี หรือละเลยการควบคุมปัจจัยอื่น ๆ ไป เช่น อาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ดังนั้นหากคุณอยากให้การออกกำลังกายได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ควรใส่ใจเรื่องอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วยดังนี้
1. การดื่มน้ำ
ก่อนเริ่มออกกำลังกายประมาณ 15-30 นาที คุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยประมาณ 2 แก้ว เพราะในระหว่างที่ออกกำลังร่างกายจะสูญเสียเหงื่อไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้คุณมีภาวะขาดน้ำ จนเกิดอาการหน้ามือตาลายได้ง่าย ๆ เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบไหลเวียนของเลือดที่จะเข้าไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อีกทั้งน้ำยังช่วยระบายความร้อนในร่างกาย และทำให้ระบบเผาผลาญของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
2. การไดเอต
การเลือกอาหารรับประทานเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดี ดังนั้นจึงควรเลือกรับประทานอาหารในสัดส่วนที่พอเหมาะ โดยเฉพาะในช่วงก่อนออกกำลังกายควรเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต และอาจเสริมด้วยอาหารที่มีโปรตีนอีกสักหน่อย เพื่อช่วยร่างกายของคุณมีแรงและพลังงานเพียงพอสำหรับการออกกำลังกายนั่นเอง
3. ระยะเวลาในการออกกำลังกาย
ระยะเวลาในการออกกำลังกายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เพราะหากคุณออกกำลังกายในเวลาสั้น ๆ คงช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ไม่มากนัก แต่หากหักโหมออกกำลังมากไปก็จะทำให้ร่างกายของคุณอ่อนเพลีย เกิดอาการปวดเมื่อย หรือมีอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน ซึ่งเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 60 นาทีต่อวัน ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ร่างกายของคุณล้ามากจนเกินไป
4. อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลัง
ก่อนที่จะออกกำลังทุกครั้ง ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการยืดเส้นยืดสายกล้ามเนื้อเสียก่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อตื่นตัว โดยคุณสามารถอบอุ่นร่างกายด้วยการเดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ หรือปั่นจักรยาน วิธีต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บและอาการปวดเมื่อยที่จะตามมาได้
5. เปลี่ยนวิธีการออกกำลัง
การออกกำลังกายด้วยวิธีเดิม ๆ จนร่างกายเกิดความเคยชินเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การออกกำลังกายของคุณได้ผลลัพธ์ไม่เท่ากับที่คุณคาดไว้ แถมยังทำให้คุณรู้สึกเบื่อด้วย ฉะนั้นควรลองปรับแผนการออกกำลังให้แตกต่างออกไปจากเดิมบ้าง ก็จะช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ครบทุกส่วนด้วย
6. ควบคุมอาหารหลังออกกำลังกาย
นอกจากการคำนึงถึงสารอาหารที่คุณจะได้รับแล้ว อย่าลืมควบคุมปริมาณอาหารของตัวเองด้วย ถึงแม้ว่าหลังการออกกำลังกายจะทำให้คุณรู้สึกหิวมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ควรตามใจปากตัวเองจนเกินไปนัก เพราะหากรับประทานเข้าไปมาก ส่วนที่เหลือจากการเผาผลาญก็จะเข้าไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนกลายเป็นไขมันสะสมขึ้นมาอีก เท่ากับว่าที่ทุ่มเทออกกำลังไปทั้งหมดก็สูญเปล่าเลยทีนี้
7. เพิ่มระดับความยาก
ในช่วงที่คุณเริ่มต้นออกกำลังกายใหม่ ๆ ไม่ควรหักโหมใช้แรงมากเกินไป โดยควรเริ่มด้วยการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ก่อน และหลังจากที่ร่างกายของคุณเริ่มปรับสภาพได้แล้ว ค่อยเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายแต่ละช่วงให้นานขึ้น หรือเพิ่มระดับความยากให้มากขึ้นอีก เช่น เปลี่ยนจากวิ่งทางราบเป็นวิ่งทางชันหรือวิ่งขึ้นเขา หากคุณชอบยกเวท ก็ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละนิด เป็นต้น ทั้งนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้มากขึ้นอีกด้วย
8. การจัดวางท่าทางในการออกกำลังกาย
สาเหตุที่ทำให้การออกกำลังกายไม่ได้ผล หรือทำให้หลาย ๆ คนเกิดอาการปวดเมื่อย บ่อยครั้งเป็นเพราะว่าวางท่าการออกกำลังกายไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรให้เทรนเนอร์หรือผู้รู้แนะนำการจัดวางท่าทางที่ถูกต้องให้ก่อนดีกว่า หลังจากนั้นควรสังเกตตัวเองด้วยว่าวางท่าถูกต้องแล้วหรือยัง หากทำได้ถูกต้องก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้มากเลยล่ะ
คราวนี้ก็ทราบกันไปแล้วว่าการออกกำลังอาจไม่ได้ผลอย่างที่ใจคุณต้องการได้ หากละเลยข้อควรปฏิบัติตามที่กล่าวไปแล้วทั้งหมดข้างต้น อีกทั้งยังจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก ดังนั้นคุณจึงควรเรียนรู้วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องด้วยนะครับ
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่