ตอนนี้เรื่องของอาหารการกินมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักนิยมกินตามความชอบของตัวเอง จนบางครั้งลืมคำนึงถึงความปลอดภัยและคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายจะได้รับ โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ทั้งหลายที่เราเชื่อว่าไม่ค่อยใส่ใจมากนัก ขอให้อร่อยและอิ่มท้องก็พอ หากคุณไม่รีบดูแลปรับเปลี่ยนเรื่องการบริโภคอาหารเสียใหม่ ในอนาคตอาจจะโดนโรคร้ายถามหาเอาได้นะ ตั้งแต่วันนี้ไปมาปรับนิสัยการกินด้วยอาหารออแกนิก หรือพูดง่าย ๆ ว่า "อาหารปลอดสารพิษ" กันดีกว่า ตอนนี้เราก็มีอีกหลากหลายเหตุผลที่จะทำให้คุณหันมากินอาหารประเภทนี้มากขึ้นกันแล้ว
1. ปลอดภัยจากสารเคมี
เพราะสารพิษส่วนใหญ่ที่ปะปนอยู่ในอาหาร มาจากสารเคมีต่าง ๆ ที่ผู้เพาะปลูกและผู้ผลิตปรุงแต่งลงไปทำให้วัตถุดิบแต่ละชนิดนั้นน่ากินมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น สารเร่งสี สารเร่งการเจริญเติบโต หรือฉีดเพื่อป้องกันอาหารเน่าเสียเร็ว เป็นต้น ทั้งนี้สารเคมีที่กินเข้าไปอาจจะไม่ส่งผลข้างเคียงในทันที แต่จะค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นโรคร้ายต่าง ๆ อาทิ โรคมะเร็ง โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหรือมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย หากคุณหันมากินอาหารที่ระบุว่าปลอดสารเคมี
2. ลดมลพิษทางน้ำ
พืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์ปลอดสารพิษจะถูกเลี้ยงด้วยกระบวนการตามธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนในการใช้สารเคมีน้อยมากหรือบางแห่งอาจจะไม่ใช้เลย ดังนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการลดมลภาวะสารพิษปนเปื้อนลงไปในน้ำด้วย ซึ่งหากทุกคนช่วยกันเราก็จะมีน้ำสะอาด ๆ เก็บเอาไว้บริโภคไปอีกนานเลยทีเดียว
3. ช่วยรักษาสมดุลให้กับระบบนิเวศ
อย่างที่รู้กันว่าการปลูกผักพืชไร่ และการเลี้ยงปศุสัตว์แบบปลอดสารพิษที่ปล่อยให้เจริญเติบโตตามขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ทางธรรมชาติ ไม่มีการใช้สารพิษ ดังนั้นระบบนิเวศต่าง ๆ ก็จะสามารถดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เพราะฉะนั้นหากคุณหันมากินอาหารปลอดสารพิษ เท่ากับว่าเป็นการส่งเสริมการฟื้นฟูระบบนิเวศที่หายไปให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิมอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้จากบริเวณที่เป็นฟาร์มสำหรับปลูกผัก หรือเลี้ยงสัตว์แบบปลอดสารพิษนั้นในดินจะมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่อุดมสมบูรณ์มากกว่าบริเวณที่ปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์แบบทั่วไป
4. ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น
พืชผักปลอดสารพิษส่วนใหญ่เป็นผักสดที่มาพร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการเต็มเปี่ยม ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากกว่าพืชผักทั่วไปที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด เมื่อรู้กันแบบนี้แล้วก็อย่าลืมหันมากินอาหารปลอดสารพิษกันนะ
5. ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ขึ้น
สารเคมีที่ใช้ในการปลูกพืชมักจะทำให้ดินบริเวณนั้นเสียหรือมีค่าความเป็นกรดและด่างสูงกว่าที่จะปลูกพืชใด ๆ ลงไปได้อีก นอกจากนี้ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงดินก่อนการหว่านเมล็ดปลูกพืชครั้งใหม่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งแตกต่างจากการปลูกพืชแบบปลอดสารพิษที่สามารถปลูกพืชได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแทบจะไม่ต้องปรับปรุงดินใหม่เลยก็ว่าได้
6. มีรสชาติอร่อยและสดใหม่
อาหารปลอดสารพิษนอกจากจะปลอดภัยจากการใช้สารเคมีแล้ว ยังได้คุณค่าทางโภชนาการสูง และมีรสชาติที่อร่อยกว่าพืชผักทั่วไปที่ใช้สารเคมีในขั้นตอนการเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงด้วย เพราะรสชาติของอาหารที่คุณได้ลิ้มรสนั้น เป็นความสดใหม่และได้คุณภาพซึ่งมาจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นสีและรสชาติใด ๆ ทั้งสิ้น
7. ช่วยสนับสนุนการปลูกผักปลอดสารพิษ
ส่วนมากผู้ผลิตอาหารจะผลิตตามความต้องการของตลาด ดังนั้นหากคุณอยากให้อาหารปลอดสารพิษแพร่หลายมากขึ้น ก็ต้องช่วยกันอุดหนุนและบริโภคอาหารประเภทนี้ ถ้าหากมีผู้บริโภคมากการผลิตก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย สุดท้ายก็จะส่งผลให้ราคาของสินค้านั้นลดลงตามกลไกของตลาดทั่วไป
8. สร้างชุมชนที่แข็งแรง
จะเห็นได้ว่าผู้คนในสังคมเจ็บป่วยกันบ่อยมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากการกินอาหารที่ไม่ได้คุณภาพ ดังนั้นหากคุณอยากเห็นคนในสังคมมีสุขภาพที่แข็งแรงก็ต้องเริ่มจากตัวเองก่อน จากนั้นนำสิ่งดี ๆ ที่ได้รับจากอาหารปลอดสารพิษไปบอกต่อ ก็จะทำให้คนอื่น ๆ หันมาบริโภคอาหารปลอดสารพิษตามกัน หรืออาจจะเริ่มจากกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่มีแนวคิดเดียวกัน และออกไปให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับที่มาและประโยชน์จากการกินอาหารปลอดสารพิษต่อไป
9. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย
นอกจากเราจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากผักและผลไม้แล้ว เรายังได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากเนื้อสัตว์ปลอดสารพิษอีกด้วย นั่นเป็นเพราะสัตว์เหล่านี้จะถูกเลี้ยงด้วยอาหารและพืชที่ปลอดสารพิษ ซึ่งสารอนุมูลอิสระจากพืชที่เป็นอาหารของสัตว์จะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสัตว์ที่เรากิน จึงทำให้เราได้รับสารชนิดนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ทั้งนี้ ถึงแม้อาหารปลอดสารพิษ ทั้งผักผลไม้และเนื้อสัตว์จะมีราคาแพงอยู่สักนิด แต่หากคิดถึงประโยชน์ที่จะได้รับในระยะยาวแล้ว ก็คุ้มค่าอยู่มิใช่น้อย เพราะสิ่งที่คุณจะได้กลับมานั้นไม่ใช่แค่การมีสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเกิดผลดีต่อคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมของคุณอีกด้วย ประโยชน์มากมายแบบนี้เห็นทีจะต้องกลับมาเปลี่ยนนิสัยการกินกันเสียใหม่แล้วล่ะ