เรียกได้ว่างานแสดงนาฬิการะดับโลกอย่าง Baselworld ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นงานที่บรรดาคนรักนาฬิกาทั่วโลกไม่พลาดอยู่แล้ว ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ ๆ ออกมาเยอะแยะมากมาย ซึ่งแต่ละเรือนก็โดดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์และสเปคการทำงานที่น่าสนใจทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงรวบรวมนาฬิกาข้อมือผู้ชายรุ่นใหม่จากงาน Baselworld ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อไม่นานมานี้มาฝากหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบนาฬิกากันด้วยครับ
นาฬิกาข้อมือเรือนหรูจาก Bvlgari แบรนด์ดังจากประเทศอิตาลีตัวนี้ ทำงานด้วยกลไก Calibre BVL 362 มีตัวเรือนเป็นไทเทเนียมและเซรามิกชนิดพิเศษ ที่ให้ความแข็งแรงสูง ส่วนหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ใช้กระจกแซฟไฟร์เกรดพรีเมียม มาพร้อมกับสายนาฬิกาหนังจระเข้ โดยผลิตขึ้นเพียง 50 เรือนทั่วโลก สนนราคาขายที่ 158,900 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5.43 ล้านบาท)
- Patek Philippe 5930G World Time Chronograph
Patek Philippe แบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่น 5930G ซึ่งมีการใช้กลไกที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ Caliber CH 28-520 HU ช่วยให้นาฬิกาบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรง บวกกับอัญมณี 38 เม็ด หน้าปัดเป็นโอปอลสีน้ำเงิน ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและหลัง ส่วนสายนาฬิกาทำจากหนังจระเข้ สำรองพลังงานได้นาน 50 ชั่วโมง กันน้ำได้ 30 เมตร โดยวางขายในราคา 73,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.5 ล้านบาท)
- Hublot Big Bang Unico Sapphire
ความพิเศษของนาฬิกาข้อมือสุดหรูจาก Hublot รุ่นนี้ อยู่ที่ตัวเรือนทำจากแซฟไฟร์แบบใส ทำให้มองเห็นการทำงานของกลไก HUB 1242 UNICO ที่ทางแบรนด์พัฒนาขึ้นมาเอง ส่วนหน้าปัดก็ใช้กระจกแซฟไฟร์เช่นเดียวกัน พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อน มาพร้อมกับสายนาฬิกาโปร่งแสงทำจากวัสดุคุณภาพเยี่ยม สามารถสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง ผลิตขึ้นเพียง 500 เรือนเท่านั้น โดยวางขายในราคา 57,900 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.98 ล้านบาท)
- MB&F HMX Black Badger
HMX Black Badger นาฬิากาข้อมือตัวท็อปรุ่นใหม่ของ MB&F แบรนด์นาฬิกาสุดหรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้กลไกระบบออโตเมติกที่ทำจากทองคำ 22K บวกกับอัญมณี 29 เม็ด สามารถแสดงเวลาได้แม่นยำและสำรองพลังงานนาน 42 ชั่วโมง ตัวเรือนเป็นไทเทเนียมเกรด 5 ผสมสเตนเลสสตีลเนื้อดี ทำให้มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทนทาน พร้อมครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและหลัง สายนาฬิกาเป็นหนังวัวแท้ ผลิตขึ้นเพียง 18 เรือนเท่านั้น โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีม่วง, สีฟ้า และสีเขียว ซึ่งแบ่งเป็นสีละ 6 เรือน สนนราคาขายที่ 50,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.71 ล้านบาท)
- Rolex Cosmograph Daytona
Rolex แบรนด์นาฬิการะดับโลก มาพร้อมกับนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ในชื่อ Cosmograph Daytona ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติแบบ Calibre 4130 ตัวเรือนทำจากเหล็กคุณภาพดี เสริมความแข็งแรงด้วยเซรามิกชนิดพิเศษที่เรียกว่า Cerachrom ทำเป็นขอบหน้าปัด พร้อมครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์กันรอย สามารถงลงน้ำลึกได้ 100 เมตร และสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง สนนราคาขายที่ 12,200 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 417,500 บาท)
- Bremont Regatta OTUSA
OTUSA นาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ในซีรีส์ Regatta จากแบรนด์ Bremont เป็นนาฬิการะบบออโตเมติกใช้กลไก BE-17AE พร้อมอัญมณี 25 เม็ด สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง ตัวเรือนทำจากไทเทเนียม ส่วนหน้าปัดใช้เทคโนโลยีเรืองแสงแบบ Super-LumiNova ช่วยให้มองเห็นเวลาได้ชัดในที่มืด ครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์กันแสงสะท้อน ทั้งยังกันน้ำลึกได้ 100 เมตร โดยผลิตขึ้นเพียง 235 เรือน ในราคาขายเรือนละ 6,895 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 236,000 บาท)
- Omega Speedmaster CK2998
CK2998 นาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่จากซีรีส์ Speedmaster ของแบรนด์ Omega มีตัวเรือนทำจากเหล็กและเซรามิกอย่างดี เพิ่มความเท่ด้วยสีน้ำเงิน ส่วนหน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Super-LumiNova ช่วยให้ดูเวลาในที่มืดได้ชัด เสริมความทนทานด้วยกระจกแซฟไฟร์ ช่วยกันรอยขีดข่วนและลดแสงสะท้อนได้ดี ทั้งยังใช้กลไกไขลานแบบ Calibre 1861 ในการทำงาน โดยผลิตขึ้น 2,998 เรือนทั่วโลก วางขายในราคา 5,360 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 183,500 บาท)
- Tag Heuer Monza
ด้าน Tag Heuer แบรนด์นาฬิการะดับโลก ก็เปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษอย่าง Monza ซึ่งเป็นการนำเอานาฬิกาข้อมือที่มอบให้กับทีมรถสูตร 1 ของ Ferrari ในปี 1976 มาปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัยกว่าเดิม แต่ยังคงความคลาสสิกไว้อยู่ โดยใช้กลไกออโตเมติก Calibre 17 และอัญมณี 37 เม็ด ตัวเรือนทำจากไทเทเนียมเกรด 5 ส่วนหน้าปัดใช้กระจกแซฟไฟร์พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนและกันรอยขีดข่วน สามารถกันน้ำลึกได้ 100 เมตร วางขายในราคา 5,200 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 178,000 บาท)
- Tudor Heritage Black Bay 36
Tudor แบรนด์นาฬิกาหรูจากประเทศอังกฤษ มาพร้อมนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ในสไตล์คลาสสิก ที่ทำงานแบบอัตโนมัติด้วยกลไก Calibre 2824 โดยตัวเรือนทำจากเหล็กเนื้อดี ที่ให้ความแข็งแรงสูงและน้ำหนักเบา ครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์ สำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง โดยมีราคาขายสำหรับสายหนังแท้อยู่ที่ 2,525 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 86,400 บาท) และสายเหล็กที่ 2,850 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 97,500 บาท)
- Oris Carl Brashear Limited Edition
นาฬิกาข้อมือเรือนหรูรุ่นพิเศษจาก Oris เป็นนาฬิการะบบออโตเมติกที่ทำงานด้วยกลไก Oris 733 และอัญมณี 26 เม็ด บอกเวลาได้แม่นยำและสำรองพลังงานนาน 38 ชั่วโมง ตัวเรือนเป็นทองแดงที่ให้ความทนทานสูง ครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์กันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ส่วนสายนาฬิกาทำจากหนังเกรดพรีเมียม ซึ่งทางแบรนด์สร้างนาฬิกาข้อมือรุ่นนี้เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Carl Brashear นาวิกโยธินเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของกองทัพสหรัฐฯ ที่เชี่ยวชาญในการดำน้ำ โดยสนนราคาขายที่ 2,580 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 88,300 บาท) ผลิตขึ้นเพียง 2,000 เรือนทั่วโลก
เห็น อย่างนี้แล้ว ต้องยอมรับเลยว่านาฬิกาข้อมือทั้ง 10 รุ่น สวยงามมากเลยทีเดียว ทว่าแต่ละเรือนก็มีราคาที่สูงมากเช่นกัน ใครอยากได้รุ่นไหน ก็คงต้องเก็บเงินรอยาว ๆ เลยครับ :D
ภาพจาก rolex.com, patek.com, bremont.com, mbandf.com, tagheuer.com, hodinkee.com, omegawatches.com, oris.ch, hublot.com, tudorwatch.com
ข้อมูลจาก bloomberg.com, cnn.com, gearpatrol.com, mensjournal.com