

เชื่อว่าตอนนี้มีคุณผู้ชายหลาย ๆ คนที่กำลังคร่ำเคร่งกับการลดน้ำหนัก เพราะอยากผอมและมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังทำไม่ได้สักที ทั้งที่ออกกำลังมานานแล้ว ดังนั้นวันนี้เราเลยนำเรื่องราวการลดความอ้วนของผู้ชายคนหนึ่งที่ได้แชร์ลงบนเว็บไซต์พันทิปดอทคอมในกระทู้ที่ใช้ชื่อว่า "ลองผิดลองถูก..จาก 96 เหลือ 64 กิโลกรัม..จนได้วิธีมีรูปร่างดีตลอดไป ไม่กลัวอีกแล้วความอ้วน !!!!" ไปชมพร้อมกันเลยว่าเขามีวิธีอย่างไรบ้าง

สวัสดีครับ เดิมทีผมเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก เคยลดความอ้วนครั้งแรกตอนเรียนอยู่ชั้น ม.2 ด้วยการลดอาหารและงดน้ำอัดลม แต่ไม่เห็นผลเท่าไร เพราะดันเลี่ยงขนมและพวกของมันของทอดไม่ได้ พอเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ น้ำหนักขึ้นมาอยู่ที่ 80 กิโลกรัม ผ่านไป 1 ปี เพิ่มเป็น 86 กิโลกรัม จึงตัดสินใจลดน้ำหนักอีกครั้งด้วยการอดอาหาร ซึ่งผมจะอด 2 วัน กิน 1 วันครับ ไม่ถึง 2 เดือน น้ำหนักหายไปเกือบ 20 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่ผลที่ตามก็คือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง จนถึงเรียนจบและเริ่มทำงาน น้ำหนักตัวของผมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนหนักสุดที่ 96 กิโลกรัม มีรอบเอว 38 นิ้ว เพราะกินอาหารดึกแทบทุกวัน ทั้งของมัน ของทอดและขนมหวาน จนร่างกายทนไม่ไหว ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเพราะท้องเสียในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งหมอสั่งให้งดอาหารหนัก 2 สัปดาห์ แล้วน้ำหนักก็หายไป 3 กิโลกรัม จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายของผม

ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 เป็นต้นมา ผมลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการลดอาหาร ซึ่งผมกินน้อยลงมาก แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนอาหารที่กินแต่อย่างใด ส่วนวิธีออกกำลัง ก็เน้นวิ่งที่สวนสาธารณะวันละ 2 รอบ คือเช้า-เย็น รอบละ 10 กิโลเมตร โดยไม่ได้เข้าฟิตเนสเลย หลังจากสิ้นเดือนมีนาคมไป ผลปรากฏว่าน้ำหนักหายไปถึง 10 กิโลกรัม

เนื่องจากในเดือนเมษายน ผมไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายเท่าไร เพราะกลับบ้านช่วงวันหยุด แต่ช่วงก่อนที่จะถึงวันหยุด ผมวิ่งมากขึ้นทั้งเช้าและเย็น บวกกับกินอาหารน้อยลงกว่าเดิม จึงทำให้ร่างกายปรับตัวได้ ผลก็คือช่วยให้เหนื่่อยน้อยลงและวิ่งได้มากขึ้น จนน้ำหนักลดเหลือ 79 กิโลกรัม ทว่าช่วงที่กลับบ้านในวันหยุดยาว ผมปล่อยเนื้อปล่อยตัวเกินไป ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น กางเกงตัวใหม่เริ่มคับ แต่หลังจากนั้นก็กลับมาเอาจริงอีกครั้ง พอสิ้นเดือนพฤษภาคม น้ำหนักตัวเหลือ 74 กิโลกรัม แต่ช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน น้ำหนักคงที่ มีขึ้นมีลงบ้าง จนถึงช่วงสิ้นเดือนกันยายน น้ำหนักลงเหลือ 71 กิโลกรัม และเอวอยู่ที่ 32-33 นิ้ว

ตั้งแต่เดือนตุลาคม ผมเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักจริงจังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกินและวิธีออกกำลังกาย พร้อมบอกตัวเองว่าจะไม่กลับไปอ้วนอีกแล้ว หลังจากรู้ข้อมูลต่าง ๆ พอสมควร ผมก็เริ่มสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กับลดน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหารและออกกำลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ในการทำ 2 อย่างในคราวเดียว แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจครับ

เรื่องการกินอาหารผมจะแบ่งออกเป็นวันละ 5 มื้อ ประกอบกับดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ครับ โดยมื้อเช้าช่วง 08.00-08.30 น. จะกินกล้วยหอม 2-3 ลูกทุกวัน ต่อมาเป็นมื้อสายช่วง 10.00-10.30 น. และมื้อเที่ยงช่วง 12.30-13.30 น. ส่วนมื้อบ่ายก่อนเข้าฟิตเนสในช่วง 15.30-16.00 น. จะเน้นกินคาร์โบไฮเดรตกับโปรตีน ส่วนมื้อสุดท้ายหลังออกกำลังเสร็จจะกินช่วง 20.30-21.00 น. หรือดึกกว่านิดหน่อย แต่ไม่ให้เกิน 22.30 น. ทั้งนี้คนทั่วไปคิดว่าแป้งเป็นตัวการที่ทำให้อ้วน แต่ที่จริงแล้วการกินอาหารที่มีประโยชน์มากเกินไป ก็ทำให้อ้วนได้เช่นกัน ดังนั้นควรลดแป้งตามความเหมาะสมจะดีกว่า หลัก ๆ การกินแป้งของผมมาจากข้าวไรซ์เบอร์รีและขนมปังโฮลวีทครับ
ส่วนกับข้าวที่ผมทำนั้น จะงดของทอดและของมัน ไม่ใช้น้ำมัน น้ำตาล และผงชูรสในการปรุงอาหาร แต่ถ้ากินอาหารนอกบ้าน ก็บอกให้แม่ค้าใส่น้ำมันน้อย ๆ หรือถ้ากินไก่ทอดก็ให้เอาหนังกับแป้งออกด้วยครับ ส่วนขนมก็เลือกกินแบบที่มีประโยชน์ เช่น ธัญพืชบาร์, ลูกเดือยอบกรอบ, เม็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน เพราะมีแคลอรีต่ำครับ

ส่วนใครอยากจะคุมปริมาณแคลอรี ก็ให้กินอาหารไม่เกิน 300 แคลอรีต่อมื้อ ไม่ต้องกลัวหิวไปครับ เพราะกินวันละ 5 มื้ออยู่แล้ว ถ้าจะกินเพิ่มเติม ก็ลดแคลอรีลงด้วย แต่ก่อนกินเพิ่ม ก็ถามตัวเองดูว่าหิวจริงหรือแค่อยากกิน ต่อมาเป็นเรื่องของการออกกำลังกาย ผมเข้าฟิตเนส 6 วันต่อสัปดาห์ โดยทำ 2 อย่างควบคู่กันไป คือ เล่นเวทและออกกำลังแบบคาร์ดิโอ ซึ่งผมเน้นสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อทุกส่วน จนน้ำหนักของผมลดเหลือ 64 กิโลกรัมในที่สุด

นอกจากนี้ ผมจะสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองทุกวัน โดยดูจากคนที่ประสบความสำเร็จในการลดความอ้วน พร้อมกำหนดเป้าหมายเป็นระยะ ๆ เปลี่ยนความเชื่อและวิธีคิดเดิม ๆ ขอแค่เชื่อว่าเราทำได้ คุณก็จะทำได้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
อาหารและของหวานที่ผมกินครับ










