ใครที่กำลังรู้สึกเบื่อกับความอ้วนของตัวเอง แต่พอจะออกกำลังก็ดันเหนื่อยจนท้อมาแล้วบ้าง ทำยังไงก็ลดไม่ได้สักที ถ้างั้น...ลองมาดูเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เคยมีน้ำหนักมากกว่าร้อยกิโลกรัม แต่เขาใช้เวลาเพียงครึ่งปีในการลดความอ้วน ก็กลับมาผอมได้ ซึ่งเขาได้แชร์ลงบนเว็บไซต์พันทิปดอทคอมและใช้ชื่อกระทู้ว่า "เมื่อคนส่วนใหญ่คบกันที่รูปร่างหน้าตาจากเคยหนัก 105 กิโลกรัม มาสู่ 75 กิโลกรัม" ไปชมพร้อมกันเลยครับว่าเขาลดน้ำหนักได้อย่างไร
สวัสดีครับ เริ่มต้นขอบอกก่อนเลยว่าช่วงมัธยมปลาย ผมเป็นคนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 105 กิโลกรัม ช่วงนั้นอยากมีแฟนเหมือนกัน พอไปจีบใคร เขาก็ไม่สนใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะส่วนใหญ่จะอยู่กับเพื่อน ๆ จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย ผมรู้สึกชอบเพื่อนต่างคณะคนหนึ่งมาก ๆ ระหว่างช่วงรับน้อง ดันไม่กล้าทัก เลยลองทักแชทไป แต่ก็ผิดหวัง เพราะเขาไม่ค่อยตอบกลับมาเท่าไร
นี่เป็นรูปตอนมัธยมปลายของผมครับ
หลังจากนั้น ผมเริ่มหันมาดูตัวเองและคิดว่าเราเป็นคนขี้เหร่ที่ดูไม่น่าสนใจ เลยตั้งใจว่าจะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง แต่ทำได้ไม่กี่วันก็เลิก ชอบคิดไปเองว่าใครที่จะมาชอบเรา ต้องชอบตัวตนของเรา ซึ่งผมยอมรับเลยว่าเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะรูปร่างภายนอกคือสิ่งแรกที่คนจะมองเห็น จนถึงช่วงครึ่งเทอมหลัง ผมได้บอกชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง แต่เขาตอบกลับว่าไม่ชอบคนอ้วน จึงทำให้รู้สึกเฟลสุด ๆ ทุกอย่างดูแย่ไปหมด และเสียใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ได้กำลังใจจากคุณแม่ จนทำให้ผมฮึดสู้ เก็บเอาคำพูดของคนอื่นที่ดูถูกเรื่องความอ้วนมาเป็นแรงกระตุ้น แล้วก็เริ่มลดน้ำหนักแบบจริงจังอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ และลดมาเรื่อย ๆ จนขึ้นปี 2 รวมเวลาได้ประมาณ 5-6 เดือนครับ
ผมเริ่มออกกำลังกายพร้อมกับควบคุมอาหาร โดยจะกินให้น้อยลง งดของมันของทอดและไม่ดื่มน้ำอัดลม ซึ่งช่วงแรก ๆ รู้สึกทรมานมาก จึงลองหายาลดความอ้วนมาช่วย แต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายกลับไปเลือกวิธีเดิม แต่เพิ่มเติมคือกินอาหารเสริมด้วย เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันและจะได้ไม่ขาดสารอาหาร จนตอนนี้น้ำหนักของผมลดลงเหลือ 75 กิโลกรัม ราวกับฝันไปจริง ๆ
รูปล่าสุดจากงานลอยกระทงที่ผ่านมาครับ
นี่เป็นวิธีลดน้ำหนักของผม เผื่อใครอยากจะนำไปปฏิบัติบ้าง
ช่วงแรกของการลดน้ำหนัก อาหารที่ต้องงดทั้งที่ชอบกินมาก ๆ ก็คือ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพราะมีทั้งแป้งและน้ำตาลเยอะ โดยมื้อเช้าจะกินข้าวราดแกง แต่จะเลือกกินเฉพาะแกงจืดและกินแต่พออิ่มเท่านั้น หรือไม่ก็กินขนมปังนิดหน่อยแทน พอถึงมื้อเที่ยง ก็จะกินเกาเหลา เน้นผักและเนื้อ ซึ่งไม่มีไขมันแต่ก็อิ่ม ส่วนมื้อเย็นจะดื่มน้ำเต้าหู้แบบไม่ใส่น้ำตาลครั้งละ 2 ถุง ถ้าหิวก็จะดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ซึ่งดีต่อสุขภาพและช่วยลดความหิวได้
ส่วนวิธีออกกำลังกายของผม จะเน้นเดินและวิ่งวันละ 5 กิโลเมตร ต่อด้วยการซิทอัพเซตละ 25 ครั้ง ทำประมาณ 4-6 เซต แล้วก็วิดพื้นต่ออีก 10-20 ครั้ง ผมทำแบบนี้อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน ก็เริ่มเห็นผล แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปพุงเอาไว้ ช่วงแรก ๆ ยอมรับเลยว่าเหนื่อยมากและเริ่มรู้สึกท้อ ผมเลยเขียนคำพูดต่าง ๆ ไว้ในห้องเพื่อเตือนใจตัวเอง ซึ่งมันช่วยได้จริง ๆ กระทั่งตอนนี้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่เคยใส่เสื้อไซส์ XL หรือ XXL ก็เหลือแค่ไซส์ L ส่วนกางเกงที่เคยใส่จากเอว 40-41 ตอนนี้ผมใส่เอว 36 หรือ 34 ได้สบาย จะซื้อเสื้อผ้าแต่ละที ก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว
สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่อยากลดน้ำหนัก แม้ว่าตอนแรกจะเหนื่อยขนาดไหน ก็อย่าท้อ เพราะถ้าเราลดได้ ก็จะเป็นผลดีกับตัวเองในระยะยาว แถมชีวิตหลังจากเอาก้อนไขมันออกเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยล่ะ ส่วนใครที่ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็ลองนำวิธีของผมไปใช้ได้เลยครับ
เป็นอย่างไรบ้างกับประสบการณ์ลดน้ำหนักของหนุ่มรายนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวของเขาจะเป็นแรงผลักดันให้ใครหลายคนที่กำลังรู้สึกท้อกับการลดความอ้วนอยู่ ได้มีกำลังใจสู้ต่อไปครับ
ภาพจาก สมาชิกหมายเลข 2538863