
ดาวพฤหัส

ดาวเสาร์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ดาวเสาร์
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก NASA
นักวิทย์อเมริกันผุดข้อสันนิษฐานใหม่ ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีมีฝนตกเป็นเพชร
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2556 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เผยดาวเสาร์และดาวพฤหัสอาจมีฝนตกเป็นเพชร ก่อนจะละลายกลายเป็นของเหลวเมื่อตกลงสู่แกนกลางของดาวก๊าซทั้งสอง
รายงานระบุว่า เจ้าของทฤษฎีดังกล่าว คือ โมนา เดลิสกี และเควิน เบนส์ นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยการสันนิษฐานว่า ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นดาวที่เต็มไปด้วยก๊าซทั้งสองดวง อาจมีฝนตกลงมาเป็นเพชรซึ่งวันใดวันหนึ่งมนุษย์อาจไปคว้ากลับมาบนโลกได้ โดยฝนเพชรบนดาว มีขนาดเฉลี่ยประมาณ 1 เซนติเมตร แต่ก็อาจมีบางก้อนที่มหึมาจนเรียกว่าเป็นภูเขาเพชรได้เลยทีเดียว
เดลิสกีและเบนส์ เชื่อว่า ฝนเพชรบนดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์นั้น เกิดจากพายุสายฟ้าที่เปลี่ยนก๊าซมีเทนให้เป็นเขม่าคาร์บอนที่ชั้นบรรยากาศชั้นบนสุด และเมื่อคาร์บอนเคลื่อนผ่านชั้นบรรยากาศลงไปสู่เบื้องล่าง ก็แข็งตัวเป็นกราไฟต์และกลายเป็นเพชรในเริ่มแรก แต่เมื่อมันเคลื่อนตัวผ่านผิวดาวที่ยิ่งลึก ก๊าซก็ยิ่งมีความหนาแน่นและอุณหภูมิสูง เพชรเหล่านี้ก็จะละลายกลายเป็นของเหลวไปในที่สุด
อย่างไรก็ดี แม้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่อาจหาคำตอบได้ว่า เมื่อฝนเพชรเหล่านี้ละลายแล้ว จะมีชะตากรรมอย่างไรต่อไป แต่ก็สันนิษฐานว่ามันอาจกลายเป็นทะเลของเหลว หรือทะเลเพชรที่แกนกลางของดาวก็เป็นได้
ทั้งนี้ แม้ว่าทฤษฎีดังกล่าวที่เปิดเผยออกมานี้ค่อนข้างจะขัดแย้งกับการศึกษาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ที่ระบุว่า "มีความเป็นไปได้ที่จะมีเพชรอยู่ที่แกนกลางของดาวยูเรนัสและเนปจูน แต่ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์นั้นร้อนเกินกว่าที่จะเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกเพชรได้" แต่นักวิทยาศาสตร์ท่านอื่น ๆ ก็ยังไม่ละเลยทฤษฎีฝนเพชรบนดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังไม่สามารถไปพิสูจน์พื้นผิวดาวทั้งสองได้ ไม่ว่าข้อสันนิษฐานใดก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด