เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wallpapervortex.com
ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นไปในวัฏจักรเดียวกัน คือเมื่อมีจุดกำเนิด ก็ต้องมีจุดสิ้นสุด แตกสลายไปตามกาลเวลา แต่หากจะพูดถึงการแตกสลายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยรู้มา คงจะหนีไม่พ้นปรากฏการณ์การแตกสลายครั้งยิ่งใหญ่ของดาวฤกษ์ดวงยักษ์ ที่เรียกว่า ซูเปอร์โนวา เป็นแน่ วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้มาฝากกัน ไปดูกันว่าซูเปอร์โนวาเกิดขึ้นอย่างไร และเปลี่ยนแปลงห้วงจักรวาลไปอย่างไรบ้าง
ความหมายของซูเปอร์โนวา
ซูเปอร์โนวาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์หลายเท่าเดินทางมาถึงวาระสุดท้าย คือ เหลือเชื้อเพลิงไม่มากพอที่จะทำให้ดาวอยู่ได้อีกต่อไป และส่งผลให้เกิดธาตุหนักที่แกนกลาง จากนั้นแรงโน้มถ่วงของดาวทำให้ดาวยุบตัวลง เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์อย่างรุนแรง ก่อนจะระเบิดตัวแตกสลายครั้งใหญ่
การระเบิดของมวลดาวฤกษ์ในแต่ละครั้ง ก็จะมีแสงสว่างวาบเกิดขึ้น แผ่บริเวณออกไปกว้างใหญ่ไพศาล สามารถเห็นได้จากที่ไกลโพ้น ก่อนที่จะค่อย ๆ จางหายไป โดยใช้เวลาเพียงสัปดาห์หรือเดือนเท่านั้น นอกจากนี้การระเบิดยังก่อให้เกิดพลังงานมหาศาล ที่เทียบเท่าได้กับพลังงานของดวงอาทิตย์ที่ปลดปล่อยออกมาตลอดทั้งชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งพลังงานที่เกิดขึ้นจะขับไล่ดวงดาวกับวัตถุต่าง ๆ ออกไปด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อนาที และเกิดคลื่นกระแทกบริเวณช่องว่างระหว่างดวงดาว ที่ส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ซากซูเปอร์โนวา ด้วย และหลังจากเกิดซูเปอร์โนวาแล้ว เศษเล็กเศษน้อยที่แตกตัวออกมานี้ก็อาจจะหลอมรวมกันเป็นดาวดวงเล็ก ๆ ดวงใหม่ต่อไป
ทั้งนี้ คำว่า "โนวา" นำมาจากภาษาละตินที่มีความหมายว่า ใหม่ เพื่อสื่อถึงการเกิดใหม่ของดวงดาว ส่วน "ซูเปอร์" ใช้เพื่อจำแนกซูเปอร์โนวาออกจากโนวาธรรมดาที่มีความสว่าง ขนาด และทางกลที่แตกต่างกัน โดยถูกนำมาใช้ครั้งแรกในหนังสือ Merriam-Webster’s Collegiate Dictionary ที่ตีพิมพ์ในปีพ.ศ. 2469
ความถี่การเกิดซูเปอร์โนวา
ความถี่ของการเกิดซูเปอร์โนวาในกาแล็กซีของเราหรือกาแล็กซีที่มีขนาดใกล้เคียงกัน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ปีต่อการเกิดซูเปอร์โนวา 1 ครั้ง ส่วนกาแลกซีอื่น ๆ ยังไม่สามารถประเมินความถี่การเกิดซูเปอร์โนวาได้แม่ยำนัก แต่อย่างไรก็ตามการเกิดซูเปอร์โนวาแต่ละครั้งก็มีบทบาทความสำคัญไม่น้อยเลย เพราะนอกจากจะเพิ่มมวลสารให้กับมวลสารระหว่างดวงดาวแล้ว การแผ่กระจายของคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นหลังการระเบิด ยังก่อให้เกิดดาวดวงใหม่มากมายด้วย
ประวัติการค้นพบ
ครั้งแรกที่มีรายงานการบันทึกของการเกิดซูเปอร์โนวาคือ SN 185 ที่ถูกค้นพบในปีพ.ศ. 728 โดยนักดาราศาสตร์ชาวจีน ซึ่งหลังจากมีการพัฒนากล้องดูดาวก็มีการค้นพบซูเปอร์โนวาจากกาแล็กซีอื่น ๆ อีกมากมาย เริ่มจากปีพ.ศ. 2428 ที่มีการค้นพบ S Andromedae ในกาแล็กซีแอนโดรเมดา ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความรู้สำคัญด้านดาราจักรวิทยามากมาย และในช่วงศตวรรษที่ 20 ก็เกิดแบบจำลองซูเปอร์โนวา ที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจวงจรชีวิตของดวงดาวยิ่งขึ้น
การตั้งชื่อ
ซูเปอร์โนวาที่ค้นพบจะถูกรายงานไปยังสำนักงานโทรเลขดาราศาสตร์ของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล เพื่อทำการตั้งชื่อ โดยใช้ตัวอักษรในภาษาอังกฤษนำแล้วตามด้วยปีที่ค้นพบ ซึ่งซูเปอร์โนวา 26 อันแรกของปีจะนำหน้าด้วยตัวอักษรใหญ่ หลังจากนั้นก็จะตามด้วยตัวอักษรเล็ก อย่างเช่น SN 2005nc ซูเปอร์โนวาลำดับที่ 367 ที่ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2548 เป็นต้น
ประเภทของซูเปอร์โนวา
ซูเปอร์โนวาแบบที่ 1 (Supernova type I) ซูเปอร์โนวาที่เกิดในระบบดาวคู่ โดยดาวแคระขาวดึงดูดก๊าซจากดาวคู่ของตัวเอง จนกระทั่งกระตุ้นให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ซูเปอร์โนวาแบบที่ 2 (Supernova type II) การระเบิดที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดกระบวนการฟิวชั่นในแกนกลางของดวงดาวที่สิ้นอายุขัย
และนี่ก็คือ ปรากฏการณ์ซูเปอร์โนวา ที่เป็นทั้งจุดจบของดวงดาว และเป็นต้นกำเนิดของดวงดาวในคราวเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นข้อสันนิษฐานของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีการค้นพบใหม่ที่ทำให้ปริศนาต่าง ๆ เกี่ยวกับการกำเนิดของจักรวาลคลี่คลายลงก็เป็นได้