x close

15 วลี ที่ควรเลิกพูดได้แล้ว

อย่าให้ได้ยินเชียว!

อย่าให้ได้ยินเชียว! (Men’s Health)

เรื่อง Men’s Health UK แปลเรียบเรียง BJboy

15 วลีที่ใคร ๆ มักจะใช้กันจนเกร่อ แต่คุณก็น่าจะเลิกพูดเสียที


1. “เราต้องจ่ายนายเท่าไรวะ” 

          หารยาวเขาทำกันในห้องเรียนนะครับ ไม่ใช่ร้านอาหาร ใช้วิธีผลัดกันจ่ายดีกว่า มื้อไหนที่เพื่อนๆ เป็นคนจ่าย มื้อหน้าก็เป็นทีของคุณจ่าย คุณจะได้ไม่รู้สึกผิดแค่นี้ก็หายกันแล้วล่ะ

2. “ผมเสียใจที่คุณรู้สึกแบบนั้น”

          คำขอโทษไม่จำเป็นต้องยืดยาวหรือซ้ำซาก แต่คุณต้องหมายความตามที่พูด และยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ไม่ใช่ยอมรับเพราะว่าคนอื่นคิดว่าคุณเป็นฝ่ายผิด แค่นี้ก็โอเคแล้ว

3. “ผมไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อหาเพื่อนนะครับ”

          ผู้เข้าแข่งขันในรายการเรียลลิตี้ทางทีวีพูดแบบนี้กันแทบทุกคน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายการของพวกฝรั่งนะครับ ของบ้านเราไม่มีใครปากเสียอย่างนี้หรอก (อ้าว! นี่พูดจริง ๆ นะ ไม่เชื่อลองพิมพ์วลีนี้ในยูทูบดูสิ) แล้วคุณเคยเห็นตัวอย่างที่ทัศนคติแบบนี้ เป็นประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริงบ้างไหมล่ะ ไม่มีทาง!

4. “นายช่วยฉันย้ายบ้านหน่อยได้ไหม” 

          การช่วยเพื่อนย้ายห้องในหอพักของมหาวิทยาลัยก็สนุกดีอยู่หรอก แต่การย้ายบ้านจริงๆ คงไม่ค่อยสนุกเท่าไร ถ้าคุณมีงานทำ จงยอมจ่ายเงินจ้างบริษัทขนย้ายเถอะครับ จากนั้นคุณก็ชวนเพื่อนๆ มาร่วมปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่ แล้วคุณจะต้องแปลกใจที่เห็นปริมาณเบียร์ที่พวกเขายินดีหอบหิ้วกันมาเอง

5. “อ๋อ รู้แล้วล่ะ เหมือนกับตอนที่ผม...” 

          ถ้าเพื่อนคุณกำลังเล่าเรื่องอะไรอยู่เขาคงไม่อยากให้คุณขัดจังหวะด้วยเรื่องของคุณหรอก นี่คือคิวของเขา พอถึงคิวคุณบ้าง คุณคงอยากให้เขาหุบปากเหมือนกันนั่นแหละ

6. “คุณควรทำแบบนี้นะ” 

          สาว ๆ พูดถูกแล้วล่ะ คุณไม่จำเป็นต้องแก้ทุกปัญหาหรอก การรับฟังถือเป็นการช่วยอย่างหนึ่งเหมือนกัน ฉะนั้นคุณก็ปล่อยให้เธอ (หรือเพื่อนคุณ) ระบายออกมาเถอะ แล้วค่อยให้คำแนะนำก็ต่อเมื่อพวกเขาถามว่า “ฉันจะทำอย่างไรดี” เท่านั้น

7. อะไรก็ตามที่คุณตะเบ็งแข่งกับเสียงเล่นดนตรีสด 

          เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคุณไปอยู่ ณ ที่นั้นทำไมถ้าไม่คิดจะฟังเพลง แต่ที่แน่ ๆ คือชาวบ้านเขาจ่ายเงินเป็นพัน ๆ เพื่อที่จะได้ฟังเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ใช่มาฟังคุณสาธยายว่ากินอะไรเป็นมื้อเย็น และการตะเบ็งใส่หูก็น่าจะทำให้คนฟังเจ็บหูไม่น้อยเลยด้วย

8. “มันก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ” 

          เวลาคุณพูดแบบนี้ คนอื่น ๆ จะตีความว่า “ผมได้ประโยชน์ในขณะที่คุณเสียประโยชน์ แต่กว่าคุณจะรู้ตัวก็คงอีก 2 สัปดาห์โน่นแน่ะ ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครตามตัวผมเจอแล้วล่ะครับ สุดท้ายผมก็ได้ประโยชน์คนเดียวเลย”

9. “ไปล่ะ!” 

          ก็เหมือนกับรถอังกฤษ ที่มาแล่นอยู่บนถนนอเมริกัน นั่นแหละครับ คือดูลักลั่นและล่อแหลมอย่างไรพิกล

10. “กฎไม่ได้ว่าไว้อย่างนั้นนี่” 

          เอ่อ.. เรารู้ดีว่ากีฬาคือเกมที่ต้องเล่นไปตามกฎกติกาที่ว่าไว้ แต่อย่าทำให้คนอื่น ๆ หมดสนุกด้วยการจับผิด เพื่อนที่เผลอขยับเท้าแค่ครึ่งก้าวก่อนยัดลูกลงห่วงเลยนะ แค่ยอมหยวนนิด ๆ หน่อย ๆ ทุกคนจะสนุกกันมากขึ้นแล้วล่ะ

11. “ผมตั้งใจจะ...” 

          แปลความได้ว่า “ผมนึกถึงคุณนะ แล้วจู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่า” ไม่ว่าคุณจะนึกถึงอะไรมัน ก็ไม่ได้สำคัญเสมอไปหรอกครับ

12. “ผมทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ดีเชียวล่ะ” 

          ไม่จริงหรอก และไม่มีใครทำแบบนั้นได้ด้วย แล้วตอนที่คุณแอบส่งข้อความจากแบล็คเบอร์รี่ใต้โต๊ะอาหารน่ะ ทุกคนก็ไม่พอใจ ถึงจะไม่มีใครพูดอะไรก็เถอะ หวังว่าคนที่คุณเขียนถึงจะดีใจที่ได้รับเมลไร้สาระจากคุณนะ

13. “คุณคิดผิดแล้วล่ะ” 

          การโต้แย้งอย่างถูกหลักทำให้คุณเป็นคนน่าสนใจ ขณะที่การโต้แย้งความคิดเห็นของคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ทำให้คุณเป็นคนไร้สาระที่พูดไปเรื่อยเปื่อย คงไม่มีใครอยากฟังคุณหรอกครับ

14. “เมื่อไรคุณจะหยุดพูดสักที” 

          คุณอาจไม่ได้พูดออกมาดัง ๆ หรอกครับ แต่เราเห็นวลีนี้ในสีหน้าที่ไม่ได้แสดงถึงการมีส่วนร่วมของคุณกับทุกคน ถ้าการสนทนาทำให้รู้สึกเบื่อ คุณน่าจะทำให้มันน่าสนใจขึ้นด้วยการเข้าไปร่วมวงมากกว่านะครับ

15. “แล้วผมจะโทรกลับทีหลังนะ” 

          ปกติผู้ชายเราก็มีปัญหาเรื่องการสื่อสารมากพออยู่แล้ว ถ้าเพื่อนคุณพูดว่า “นี่ เรามีเรื่องต้องคุยกับนายนะ” เขาก็คงไม่ได้โทรมาคุยเล่นธรรมดา ๆ หรอก แค่พยายามทำเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่นักเท่านั้นแหละ และไม่ว่าคุณจะกำลังทำอะไรอยู่ อะไรที่ว่านั่น ควรต้องรอไปก่อนแล้วล่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
15 วลี ที่ควรเลิกพูดได้แล้ว อัปเดตล่าสุด 19 เมษายน 2555 เวลา 17:14:55
TOP