เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก webgyaan.com
หลังจากประสบความสำเร็จกับอุปกรณ์ iDevice มาแล้วหลายต่อหลายอย่าง ล่าสุดมีข่าวลือที่แทบลอยด์แดนมะกันอย่าง เดอะนิวยอร์กไทม์ และ วอลล์สรีทเจอนัล ยืนยันมาแล้วว่าเป็นเรื่องจริงที่ว่า บัดนี้แอปเปิลกำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ "iWatch" นาฬิกาข้อมือสมาร์ทวอทช์ ให้กลายมาเป็นผลิตผลตัวต่อไปของบริษัท
เทคโนโลยีในรูปแบบคล้ายนาฬิกานี้ กำลังถูกพัฒนาขึ้นที่บริษัทแอปเปิลสาขาใหญ่ในเมืองคูเปอร์ติโน่ แคลิฟอร์เนีย โดยมันจะเป็นคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ ทำงานด้วยระบบ iOS เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นพี่ และทำจากกระจกพิเศษที่มีความสามารถในการโค้งงอ โดยเรื่องนี้ถูกเปิดเผยจากคนวงในที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาแก็ดเจ็ตดังกล่าว แม้จะไม่ชัดเจนว่าแอปเปิลจะตั้งชื่ออุปกรณ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่าอะไร และมีแผนจะออกวางจำหน่ายเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ชัดในตอนนี้ก็คือ บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ในมือจริง ๆ
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งข่าวลือข่าวไม่ลือหลายประการที่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับการพัฒนาเทคโนโลยีอันจะกลายมาเป็น iWatch ได้ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท Corning Glass Technologies ผู้ผลิตบอดี้ส่วนที่เป็นกระจกให้กับ iPhone ว่าประสบความสำเร็จกับการคิดค้นวัสดุคล้ายกระจกที่สามารถโค้งงอได้, บล็อกแก็ดเจ็ตจากเมืองจีนก็ให้ข่าวว่าแอปเปิลกำลังวุ่นกับการพัฒนาเทคโนโลยีในรูปแบบนาฬิกา ที่จะมีหน้าปัด 1.5 นิ้ว และสามารถเชื่อมต่อบลูทูธ, ปลายปีที่แล้ว ฟ็อกซ์คอนน์ บริษัทสัญชาติไตหวันผู้ผลิตชิ้นโทรศัพท์ให้กับแอปเปิลก็กำลังง่วนกับการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีขนาดจิ๋วกว่าสมาร์ทโฟน
ทางบล็อกเกอร์ด้านเทคโนโลยีทั้งหลายต่างก็ออกมาคาดเดา และแสดงความคาดหวังต่อข่าวการพัฒนาสมาร์ทวอทช์ของแอปเปิลว่า ถ้าเทคโนโลยี Siri ซึ่งสามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงถูกบรรจุลงไปกับ iWatch ด้วยก็จะง่ายต่อการใช้งานเสียยิ่งกว่าตอนมันอยู่ในสมาร์ทโฟน บางรายก็แนะว่า ถ้าจะปรับปรุง iPod Nano ไปสู่หน้าตาแบบนาฬิกาข้อมือได้บ้างก็จะดี และในสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตพนักงานแอปเปิลรายหนึ่งก็เขียนลงในบล็อกของตัวเองว่า iWatch จะเข้ามาเติมช่องว่างในวงอีโคซิสเต็มของแอปเปิล หรือระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดสมาร์ทโฟนของแอปเปิลได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ หากแอปเปิลได้คลอด iWatch ออกมาจริง ๆ ก็จะเป็นการเชื่อมตลาดระดับบน-กลาง และระดับล่างเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี เพราะเทคโนโลยีตัวใหม่นี้จะมีราคาถูกกว่า iPhone เป็นแน่ และมันอาจน่าจะเข้ามาแทนที่สมาร์ทโฟนได้ภายในช่วงเวลาเพียงชั่วทศวรรษเดียวเท่านั้นเอง
