เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก propheticnewsblog.blogspot.com
คุณคงเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่องซูเปอร์แมนกันมาบ้างใช่ไหมครับ ที่พระเอกซูเปอร์ฮีโร่ใช้ตาเอ็กซ์เรย์มองทะลุกำแพงเพื่อตรวจหาว่ามีโจรปล้นธนาคารในตึกอยู่ทั้งหมดกี่คน และอยู่ตรงจุดไหนบ้างเพื่อสะดวกในการจับกุม ซึ่งตอนที่คุณได้ดูคงรู้สึกทึ่งมากใช่ไหมล่ะ แต่คราวนี้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้มีนักวิจัยระบบอิเล็กทรอนิกส์ลองพัฒนาระบบที่คล้ายกัน แต่ใช้สัญญาณวิทยุขึ้นมาแทนตาเอ็กซ์เรย์ เรียกได้ว่าเจ๋งไม่แพ้กันเลยทีเดียว
คาร์ล วู้ดบริดจ์ (Karl Woodbridge) และเควิน เชตตี้ (Kevin Chetty) สองนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ได้ออกแบบเรดาร์ระบบ WiFi ที่สามารถระบุถึงความเปลี่ยนแปลงสัญญาณความถี่ ที่ช่วยสำหรับการตรวจหาวัตถุหรือคนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนั้นได้ ทั้ง ๆ ที่ผู้ค้นหาไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะมีวัตถุขวางกั้นอยู่ โดยเรดาร์ตัวต้นแบบนั้นได้ออกแบบให้มีขนาดเท่ากับกระเป๋าเดินทาง ซึ่งภายในเครื่องรับวิทยุประกอบด้วยเสาอากาศ 2 ตัวและเครื่องประมวลผลสัญญาณ โดยการค้นคว้าในครั้งนี้ตัวอุปกรณ์สามารถกำหนดตำแหน่ง ความเร็ว และทิศทางของคนที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังกำแพงได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ทั้งคู่ได้ทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ในครั้งนี้ด้วยการตรวจสอบคนภายในอาคารโดยใช้ WiFi สร้างความถี่ของเครื่องส่งสัญญาณ 2.4 กิ๊กกะเฮิร์ท และคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลสัญญาณ โดยเสาอากาศตัวแรกนั้นติดตามสัญญาณวิทยุบริเวณรอบ ๆ ผ่านเราเตอร์ ส่วนอีกชิ้นใช้ตรวจสอบคลื่นความถี่วิทยุที่สะท้อนขึ้นมาใหม่ ซึ่งจากการค้นคว้าพบว่า เสาอากาศทั้งสองนี้สามารถระบุตำแหน่งตัวคนที่อยู่ด้านในได้ แม้จะมีกำแพงหนา 30.5 เซนติเมตร บดบังเอาไว้อยู่ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการเคลื่อนไหวและความเร็วขณะเคลื่อนที่อีกด้วย โดยสัญญาณ WiFi จากคลื่นความถี่วิทยุนี้จะแม่นยำมากขึ้นไปด้วยถ้าผู้ถืออุปกรณ์ค้นหาอยู่ใกล้กับเราเตอร์รับสัญญาณ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการสอดแนมเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทีมวิจัยกำลังพัฒนาอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่สูงยิ่งกว่าเดิม โดยพยายามหาวิธีขจัดสัญญาณรบกวนที่อาจเข้ามาแทรกในระบบ เพื่อให้มีการอ่านความเคลื่อนไหวได้ผลดียิ่งขึ้น รวมไปถึงระบบการหายใจ และทำให้รู้เพิ่มเติมได้ว่าบุคคลที่อยู่ในระยะนั้นกำลังนั่งหรือยืนอยู่ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้านำมาใช้ได้จริงคงช่วยให้จับผู้ร้ายได้มากขึ้นอย่างแน่นอน แหม อยากให้ประเทศไทยมีเครื่องแบบนี้บ้างจัง คุณว่าจริงไหม ?
