เตือนชายรักชาย! พบสถิติ เกย์รับ เสี่ยงเอดส์มากกว่า เกย์รุก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ได้สะดุ้งโหยงกันไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว สำหรับกลุ่มชายรักชายทั้งหลาย ที่นอกจากจะได้รักสนุกและมีความสุขกับไปกับสิ่งตัวเองชื่นชอบแล้ว เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ จำเป็นอย่างมากที่ต้องรู้จักป้องกันให้ดี เพราะจากสถิติล่าสุดเปิดเผยว่า ผู้ที่เป็น "เกย์รับ" เสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์มากกว่าผู้ที่เป็น "เกย์รุก"

          วานนี้ (29 พฤษภาคม 2555) ในการสัมมนา MSM/TG ระดับชาติ ครั้งที่ 1 หรือการประชุมวิชาการเกี่ยวกับ "ชายรักชาย" ครั้งแรก ภายใต้หัวข้อ "การยอมรับ เข้าใจ ไม่มีการติดเชื้อใหม่ในชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสอง" โดยทางสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ กรมควบคุมโรค ได้เปิดเผยข้อมูลการสำรวจพบว่า กลุ่มชายรักชายมีอัตราความการติดเชื้อเอชไอวี สูงกว่าคนทั่ว ๆ ไปถึง 10 เท่า ที่สำคัญคือ คนที่เป็นฝ่ายรับจะมีอัตราการเสี่ยงมากกว่าคนที่เป็นฝ่ายรุก

          ทางนายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เรื่องที่นำมาสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานในแผนยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ.2555 - 2559 ซึ่งกำหนดวิสัยทัศน์ที่มุ้งเน้นการป้องกันในกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และกลุ่มที่สาวประเภทสอง (TG) ที่ความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีอยู่ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากมีการมาตรวจหาเชื้อเอชไอวีต่ำ


          โดยจากการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงและความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย พบว่าส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มคนเหล่านี้มักมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย นี่เองจึงเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดอัตราความเสี่ยงที่จะมีเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้น

          ตามรายงานระบุว่า ที่ผ่านมาช่วงระยะเวลา 1 ปี มีการศึกษามุ่งป้องกันมากขึ้น ซึ่งเป็นการศึกษายาต้านไวรัสเอชไอวีในแง่ของการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อที่เรียกว่า "PREP" ซึ่งเป็นวิธีการศึกษาโดยนำยาที่ใช้รักษา มาทดลองผสมสูตรใช้เพื่อการป้องกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยาต้านนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง โดยบริษัทที่ผลิตยาได้ทำการขอให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ผลช่วงเดือนมิถุนายนนี้

          นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังไม่ชี้ชัดว่าป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงยังไม่ควรนำมาใช้เพื่อป้องกันในตอนนี้ และต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่ม อีกทั้ง ก็ขอร้องให้กลุ่มชายรักชายและสาวประเภทสองเข้ารับการตรวจหาเชื้อให้บ่อยขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อไป และอยากจะให้สังคมเปิดโอกาสให้กับกลุ่มรักร่วมเพศกันมากขึ้นกว่านี้ด้วย