แนะนำ 5 รองเท้าวิ่ง Nike สำหรับผู้ชาย ปี 2019 เลือกรองเท้าวิ่ง Nike รุ่นไหนดี สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ทั้งมือใหม่และขาแรง เลือกรองเท้าวิ่งรุ่นไหนดี
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังเริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ทั้งที่เริ่มต้นวิ่งจนถึงระดับที่เริ่มเป็นขาแรง กำลังมองหารองเท้าวิ่งที่เหมาะกับตัวเอง รวมถึงเหมาะกับงบประมาณในกระเป๋า การเลือกรองเท้าวิ่งดี ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าจะใช้ในการฝึกซ้อม ออกกำลังกาย หรือลงสนามแข่งขันเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของตัวเอง และกำลังสนใจแบรนด์รองเท้าอย่าง Nike แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี วันนี้เรามี 5 รองเท้าวิ่ง Nike มาแนะนำ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับแข่งล่าถ้วยรางวัล มาดูกันว่ามีรุ่นไหนบ้าง
1. Nike Zoom Gravity
รองเท้าวิ่งราคาประหยัด แถมรูปทรงสวยงาม พร้อมสีสันที่ดูเตะตา เป็นน้องเล็กสุดในตระกูล Zoom รองเท้าสำหรับทำความเร็ว มีจุดเด่นที่น้ำหนักเบา และมีดีไซน์คล้ายกับ Nike Zoom Fly 3 มาพร้อมวัสดุหน้าผ้าเป็น Hyperfuse กับตาข่ายระบายอากาศ ผ้าบาง และมีโลโก้ (Swoosh) ขนาดใหญ่แปะอยู่ด้านข้าง พื้นรองเท้ามีความหนาแน่น ความนุ่ม พร้อมเทคโนโลยี Zoom Air ช่วยรองรับแรงกระแทกอย่างนุ่มนวลและตอบสนองอย่างทรงประสิทธิภาพ และพื้นรองเท้าด้านนอกเป็นยางที่ทนทาน สีสันของตัวรองเท้ามีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีเขียว และสีฟ้า
2. Nike Air Zoom Pegasus 36
อีกหนึ่งรองเท้าวิ่งยอดนิยม ด้วยรูปทรงที่ดูเพรียวสวยงาม เรียกได้ว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่นักวิ่งทุกระดับหมายตา สำหรับรุ่นนี้ปรับปรุงและพัฒนามาจาก Pegasus 35 ตัวรองเท้ามาพร้อมรูระบายอากาศที่มากขึ้น และตาข่ายตามหลักวิศวกรรมที่ส่วนบน เพื่อการระบายอากาศที่เป็นระบบอย่างตรงจุดตลอดบริเวณที่มีความร้อนสูง และมีส่วนหุ้มข้อที่ส้นซึ่งบางขึ้นและลิ้นรองเท้า ช่วยลดความเทอะทะแต่ยังคงสวมใส่ได้อย่างสบาย ใช้เชือก Flywire แบบเปลือยให้ความกระชับพอดีเมื่อวิ่งเร็วขึ้น ส่วนสีสันของรองเท้าก็มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ, สีเทา, สีเขียว และสีส้ม
3. Nike Zoom Pegasus Turbo 2
รองเท้าที่พัฒนาขึ้นอีกขั้นจาก Nike Air Zoom Pegasus 36 โดยเพิ่มส่วนบนที่เบาขึ้น พร้อมโฟมที่มาพร้อมนวัตกรรมให้การตอบสนองแบบปฏิวัติวงการเพื่อการเทรนนิ่งระยะไกล การระบายอากาศแบบตาข่าย ส่วนบนจากตาข่ายแบบยกตัวและวัสดุสังเคราะห์นั้นเบากว่ารุ่นก่อน ๆ และมีวัสดุโปร่งแสงที่ทำให้ได้ทั้งลุคที่ดูดี และการระบายอากาศที่ดีเยี่ยม ชั้นบุด้านในบางส่วนจากปลายเท้าถึงส่วนกลางเท้า บวกกับรูปทรงที่ดูดั้งเดิมกว่าจากส่วนกลางเท้าถึงส้น ได้รับการดีไซน์มาเพื่อช่วยให้เทรนได้เร็วและนานยิ่งขึ้น พื้นรองเท้ายางชั้นนอกช่วยดูดซับแรงกระแทกและช่วยยึดเกาะหลายพื้นผิว ตัวรองเท้ามีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีม่วง, สีดำ, สีเทา, สีเขียว และสีแดง
4. Nike Zoom Fly 3
หลังจากวิ่งมาสักระยะ อยากทดสอบประสิทธิภาพของตัวเอง ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น Zoom Fly 3 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก การออกแบบรุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Vaporfly โดยให้ความสบายและความทนทานกับนักวิ่งระยะไกลในวันแข่ง มีแผ่นรองคาร์บอนไฟเบอร์ที่ช่วยให้วิ่งได้ตลอดระยะทาง พื้นรองเท้าชั้นกลาง Nike React เต็มความยาวเท้าให้ความสมดุลกับระบบลดแรงกระแทกและการตอบสนองด้วยโฟมน้ำหนักเบาทนทาน ซึ่งช่วยให้การวิ่งมีความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ตัวรองเท้ามีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว, สีม่วง, สีเขียว และสีดำ
5. Nike ZoomX Vaporfly NEXT%
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งรุ่นยอดฮิต ด้วยความเร็วระดับทำลายสถิติโลกมาแล้ว มาพร้อมดีไซน์ที่เบาขึ้น มีระบบลดแรงกระแทกมากขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าและลดน้ำหนักลงที่ด้านบน ผลลัพธ์ที่ได้คือการส่งแรงกลับและความสบาย โดยโฟม Nike ZoomX ส่งแรงกลับได้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ Nike Running เคยทำมา ส่วน NEXT% ก็ได้เพิ่ม ZoomX มากขึ้นเพื่อความสบายในการแข่งขันที่ตอบสนองได้ดี วัสดุ VaporWeave ด้านบนเป็นตาข่ายทอตามหลักวิศวกรรม มีความเบา ระบายอากาศได้ดี และกระชับ แผ่นรองคาร์บอนไฟเบอร์แบบเต็มความยาวเท้าที่พื้นรองเท้าชั้นกลางช่วยป้องกันการสูญเสียพลังงานในช่วงที่ปลายเท้างอ และร่องดอกยางตามความยาวที่พื้นรองเท้าชั้นนอกเสริมการยึดเกาะหลายพื้นผิวในสภาพอากาศที่แตกต่างกัน
สำหรับใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งที่ไม่ใช่ของ Nike ยังมีรุ่นอื่น ๆ ให้เลือกเพิ่มอีกหลายรุ่นอย่าง adidas หรือ HOKA สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่กระทู้ 5 รองเท้าวิ่ง สำหรับนักวิ่งมือใหม่ ปี 2019 คุ้มค่า
