x close

วิธีวิ่งเพื่อลดน้ำหนักที่ถูกต้อง เบิร์นแบบจัดเต็ม หุ่นเฟิร์มขึ้นแน่นอน !

วิ่งลดน้ำหนัก

          เผยวิธีวิ่งลดน้ำหนักที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เผาผลาญพลังงานและไขมันเน้น ๆ สุขภาพแข็งแรง หุ่นสุดเฟิร์มไม่หนีไปไหนแน่นอน

          การวิ่ง  (Sprints) ถือเป็นการคาร์ดิโอ  (Cardio) อย่างหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้เฟิร์มและช่วยใช้ระบบหลอดเลือดหัวใจให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงหันมาวิ่งเพื่อลดน้ำหนักกันมากขึ้น

          แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ใส่รองเท้าออกไปวิ่งทุกวันจะผอมลงตามที่หวังไว้ เพราะการวิ่งลดน้ำหนักให้ได้ผลไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าวิ่งได้นานหรือวิ่งได้ไกลเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับวิธีวิ่งที่ถูกต้องต่างหาก

          วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำ วิธีวิ่งเพื่อลดน้ำหนักที่ถูกต้อง มาให้คนที่ต้องการลดน้ำหนักและอยากมีหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์มได้ดูกัน มีอะไรต้องทำความเข้าใจบ้างมาดูกันครับ
วิ่งลดน้ำหนัก

- วอร์มอัพ

          ท่องไว้เสมอว่าทุกครั้งที่ออกกำลังกาย คุณจำเป็นจะต้องอบอุ่นร่างกาย ยืดเอ็นและกล้ามเนื้อ แล้วทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นเสียก่อนเสมอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเร็ว ๆ และป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่ออกกำลังกาย สำหรับคนที่จะวิ่งควรจะเน้นวอร์มอัพที่บริเวณต้นขาและตามข้อต่าง ๆ โดยใช้วิธีเหยียดขาให้ตรง หมุนข้อเท้า หัวเข่าและโพกไปมา เท่านี้ก็พร้อมวิ่งได้แล้ว

วิ่งลดน้ำหนัก

- วิ่งช้าสลับวิ่งเร็ว

          เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยมานานว่า วิ่งช้ากับวิ่งเร็ว แบบไหนช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่า จริง ๆ แล้วการวิ่งทั้งสองแบบจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

          วิ่งเร็ว : การวิ่งเร็ว ๆ จะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานและไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในร่างกายได้ดีกว่า แถมหลังจากวิ่งเสร็จร่างกายจะยังเผาผลาญพลังงานต่อไปอีกหลายชั่วโมงอีกด้วย สังเกตได้จากเวลาเลิกวิ่งแล้วจะรู้สึกเหนื่อยล้านานกว่าปกตินั่นเอง ส่วนข้อเสียคือการวิ่งเร็วอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย และหากเผาผลาญมากจนเกินไปร่างกายก็จะดึงโปรตีนมาใช้แทน

          วิ่งช้า : การวิ่งช้า ๆ แต่ใช้เวลานาน ๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดีกว่า ช่วยเพิ่มความอึดได้ดีและไม่เสี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บ ส่วนข้อเสียคือการวิ่งช้า ๆ จำเป็นจะต้องวิ่งต่อเนื่องอย่างน้อย 45 นาทีขึ้นไป เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดวิ่งระบบเผาผลาญจะหยุดทำงานทันที ฉะนั้นจะต้องวิ่งให้ต่อเนื่องในระยะเวลานาน ๆ เพื่อให้ระบบเผาผลาญไขมันได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

          สำหรับคนที่ต้องการวิ่งเพื่อลดน้ำหนักแล้ว การวิ่งช้าสลับกับวิ่งเร็วคือทางเลือกที่ดีที่สุด โดยแนะนำให้เริ่มวิ่งช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้น วิ่งในความเร็วเต็มกำลังต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วินาที จากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่อนลง เปลี่ยนมาวิ่งช้า ๆ หรือเดินเร็วเป็นเวลา 90 วินาที เมื่อพร้อมแล้วก็เพิ่มความเร็วใหม่อีกครั้ง แบบนี้จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรตและไกลโคเจนได้พร้อมกันและมีประสิทธิภาพมาก ๆ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บและไม่ทำให้เหนื่อยมากจนเกินไปอีกด้วย
 วิ่งลดน้ำหนัก

- วิ่งหลังตรงพร้อมแกว่งแขน


          เวลาวิ่งคนส่วนใหญ่มักจะติดโน้มตัวไปข้างหน้าหรือไม่ก็เอนไปด้านหลัง อีกทั้งบางคนยังชอบเก็บแขนแนบชิดลำตัวไว้อีกด้วย ซึ่งนั้นเป็นท่าการวิ่งที่ดูเกร็งและไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกเมื่อยและเหนื่อยง่าย ทางที่ดีควรวิ่งหลังตรงและแกว่งแขนไปมา เพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด จะได้หายใจสะดวกและวิ่งได้นานมากยิ่งขึ้น

- พักฟื้นให้เต็มที่

          หลังจากวิ่งด้วยความเร็วจนครบเวลาตามที่กำหนดแล้ว ต่อไปก็จะเข้าสู่ช่วงผ่อนแรงแล้ววิ่งช้า ๆ เป็นเวลา 90 วินาทีเพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้น ซึ่งคุณควรใช้เวลาเหล่านั้นให้เต็มที่ที่สุด ถึงแม้ว่าคุณจะพร้อมวิ่งใหม่อีกครั้งหลังจากพักไปได้ไม่กี่นาทีก็ตาม เพราะหากรีบร้อนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือหายใจไม่ทัน ส่งผลให้วิ่งครั้งต่อ ๆ ไปได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เผาผลาญพลังงานและไขมันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

- เพิ่มความท้าทาย

          ในช่วงแรกคุณอาจจะเริ่มวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 50 % ของความเร็วสูงสุด ซึ่งพอทำติดต่อกันสักพักร่างกายจะเริ่มชินกับความเร็วเท่าเดิม ทำให้คุณอึดขึ้นคุณไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าที่ควร ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเพิ่มอัตราความเร็วในครั้งต่อไปเป็น 60 – 70 % ตามลำดับ แต่ยังวิ่งในระยะเวลาเท่าเดิม เพื่อเป็นการเพิ่มขีดจำกัดการทำงานของระบบหัวใจและกระตุ้นการเผาผลาญให้ดีมากยิ่งขึ้น

- เลิกนับเลข

          คุณไม่จำเป็นจะต้องนับเลขตลอดเวลาว่า วันนี้คุณจะวิ่งกี่เซต พรุ่งนี้จะเพิ่มเป็นกี่เซต แล้ววันมะรืนนี้จะต้องทำให้ได้กี่เซต เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าจำนวนครั้งคือ คุณทำตามกระบวนการหรือเปล่าและเต็มที่กับการวิ่งมากน้อยแค่ไหน บางครั้งตัวเลขที่ตั้งไว้อาจจะหนักเกินไปจนต้องฝืนวิ่งก็ได้หรือบางทีก็อาจจะตั้งไว้น้อยเกินไปจนแทบไม่เห็นผลลัพท์เลย ฉะนั้นวิ่งให้เต็มที่เท่าที่ทำได้ดีที่สุด จะได้รู้สึกมีความสุขกับการวิ่งมากขึ้น

          เมื่อทราบอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมนำเคล็ดลับและวิธีวิ่งลดน้ำหนักเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันด้วยนะครับ รับรองว่าน้ำหนักลง สุขภาพและหุ่นดีทันใจใจแน่นอนครับ

ข้อมูลจาก : mensfitness.com, livestrong.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีวิ่งเพื่อลดน้ำหนักที่ถูกต้อง เบิร์นแบบจัดเต็ม หุ่นเฟิร์มขึ้นแน่นอน ! อัปเดตล่าสุด 12 มกราคม 2561 เวลา 17:46:35 14,234 อ่าน
TOP