แสนดี แสนปิติ ประวัติลูกชายคนเดียวของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มารู้จัก แสนปิติ สิทธิพันธุ์ กับประเด็นร้อนล่าสุดกัน
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Sanpiti Sittipunt
นับตั้งแต่ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 ออกมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวตนของ แสนดี แสนปิติ สิทธิพันธุ์ ลูกชายเจ้าของฉายา “บุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” อย่าง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งชีวิตส่วนตัวและภาพลักษณ์ของเขาล้วนเป็นที่สนใจของสังคม ยิ่งล่าสุด แสนดี แสนปิติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความวิจารณ์พรรคก้าวไกลแบบจุก ๆ ก่อกระแสความเดือดจนทัวร์ลงกระหน่ำ นั่นทำให้ชื่อของ แสนดี แสนปิติ ขึ้นแฮชแท็กร้อนข้ามวัน วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปทำความรู้จัก แสนดี แสนปิติ ประวัติลูกนักการเมืองคนดัง จากเด็กที่เกิดมากับภาวะการสูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด กลายมาเป็นหนุ่มนักประวัติศาสตร์หน้าใหม่ พร้อมมุมมองชีวิตของเขากัน
ประวัติ แสนดี แสนปิติ
แสนดี หรือชื่อจริงว่า แสนปิติ สิทธิพันธุ์ เป็นลูกชายคนเดียวของผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ นางปิยดา สิทธิพันธุ์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น นางปรมินทร์ทิยา สิทธิพันธุ์) แสนดีเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2543 พร้อมกับความบกพร่องทางการได้ยินแต่กำเนิด หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 ในวัย 1 ขวบ 2 เดือน คุณพ่อชัชชาติต้องพาแสนดีไปพบแพทย์ หลังญาติ ๆ ทักว่าทำไมเรียกแล้วไม่ตอบสนอง ซึ่งผลวินิจฉัยออกมาว่าหูหนวก
หลังจากนั้นแสนดีต้องใช้ชีวิต 2-3 ขวบปีแรกที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเข้ารับการผ่าตัดรักษาใส่ประสาทหูเทียมและเรียนรู้ที่จะใช้ประสาทหูเทียมในการสื่อสารชีวิตประจำวันที่นั่น จนในที่สุดความพยายามของครอบครัวและแสนดีทำให้เขาสามารถพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ภาษาไทยที่มีวรรณยุกต์นั้นจะได้ยินเป็นโทนเสียงเดียว ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวทำให้แสนดีกลับมาที่ประเทศไทยและเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงไฮสคูล หลังจากนั้นก็ลัดฟ้าไปเรียนต่อเอกประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา (University of Washington) ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2565 แสนดีจบการศึกษาและเข้ารับปริญญา โดยมีคุณพ่อที่เพิ่งได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ หมาด ๆ เข้าร่วมยินดี ปัจจุบัน แสนดี แสนปิติ อายุย่าง 23 ปี
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Sanpiti Sittipunt
มีคุณพ่อเป็นไอดอล
แสนดี แสนปิติ เคยให้สัมภาษณ์กับ Cochlear Southeast Asia ถึง ชัชชาติ คุณพ่อของเขา ว่าคุณพ่อเหมือนเป็นเพื่อนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้าง สู้ไปกับเขาในทุกช่วงของชีวิต ไม่เคยยอมแพ้แม้ว่าชีวิตจะยากลำบากมากแค่ไหน เขาจึงยกให้คุณพ่อเป็นต้นแบบและนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต อีกทั้งหลังได้ชัยชนะ 1.4 ล้านเสียง จากคนกรุงเทพฯ ที่เทให้ผู้เป็นพ่อ แสนดียังโพสต์ถึงพ่อของเขาด้วยว่า เป็นผู้ทำงานหนักเพื่อประเทศไทยที่ดีขึ้น
ขณะที่ทาง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า ที่ตัวเองหันมาออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ ก็เพื่อจะได้อยู่กับลูกไปนาน ๆ เพราะตัวแสนดีก็ลำบากอยู่แล้ว ถ้าพ่อจะไปเป็นภาระให้เขาอีกคงไม่ไหว จึงนับได้ว่า แสนดี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของ ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบันก็ว่าได้
ภาพจาก : Instagram thesandmans20
บทบาททางการเมือง ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย
ด้านไลฟ์สไตล์ส่วนตัว แสนดี เป็นคนที่มีความแอ็คทีฟสูง ชื่นชอบกีฬาหลายชนิด โดยเฉพาะคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งเป็นกีฬาโปรด ทุกวันนี้เขาก็มักจะตื่นเช้าไปวิ่งเช่นเดียวกับคุณพ่ออยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากการออกกำลังกายที่ใช้พลังงานเยอะแล้ว แสนดีก็ยังมีงานอดิเรกอย่างการอ่านหนังสือด้วยเช่นกัน
หลังจากเรียนจบ แสนดี แสนปิติ กลับมาอยู่ที่ประเทศไทย โดยเริ่มต้นเป็นนักจัดรายการพอดแคสต์แบบเต็มรูปแบบ พร้อมกับเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ ขณะที่ความฝันก้าวต่อไปของเขาคือมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศ และในช่วงการเลือกตั้ง 2566 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แสนดียังเปิดตัวเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
ภาพจาก : Instagram thesandmans20
แสนดี แสนปิติ กับดราม่าจวกพรรคก้าวไกล
ล่าสุดชื่อของเขากลายเป็นที่สนใจของคนในสังคม เมื่อ แสนดี แสนปิติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมสตอรี่ กล่าวจัดหนักโดยตรงถึงทีมงานพรรคก้าวไกล ทั้งประเด็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่มีใครอยากให้ก้าวไกลอยู่ในอำนาจ ยกเว้นวัยรุ่นเอาแต่ใจกับเด็กไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ รวมไปถึงข้ออื่น ๆ ซึ่งภายหลังจากที่แสนดีโพสต์ข้อความดังกล่าวก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์มหาศาลและทัวร์ลงทันที เพราะบางส่วนมองว่าสิ่งที่แสนดีพูดคือดูถูกคนธรรมดา คนหาเช้ากินค่ำ ลามไปถึงเหยียดกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ
ต่อมา แสนดี ได้ออกมาขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก โดยกล่าวว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเพียงแค่ต้องการจะแสดงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการสร้างความเกลียดชัง พร้อมยอมรับว่าด้อยประสบการณ์ ขอใช้เวลานี้คิดทบทวนและปรับปรุงตัวเอง ขณะที่เสียงอีกด้านป้องแสนดีว่าไม่ผิด เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นด้านการเมืองได้
หากมองอย่างผิวเผิน แสนดี แสนปิติ เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตมาในสังคมที่ดีพร้อม แต่ลึก ๆ แล้วชีวิตของเขาก็ผ่านอุปสรรคยาก ๆ มามากมายเช่นกัน เรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นจึงอาจเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของลูกชายนักการเมือง ว่าเขาจะแข็งแกร่งเฉกเช่นผู้เป็นพ่อได้มากเพียงใด
บทความที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Sanpiti Sittipunt, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, Cochlear Southeast Asia, Instagram thesandmans20
