วิธีลบรอยสัก อยากลบรอยสักต้องทำยังไง มีวิธีไหนบ้าง ?

วิธีลบรอยสัก สักมาแล้วอยากลบ อยากให้จางลง ทำยังไงได้บ้าง มีวิธีการลบรอยสักอย่างไร ที่จะช่วยให้ผิวกลับมาเหมือนเดิม ตามมาดูกัน

รอยสักถือเป็นศิลปะบนร่างกายที่หลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะรอยสักผู้ชาย แต่ก็มีไม่น้อยที่สักมาแล้วไม่ชอบ หรือมีเหตุให้ต้องลบรอยสัก ไม่ว่าจะเพราะหน้าที่การงานหรือเพราะรอยนั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป ทีนี้จะมีวิธีใดบ้างที่สามารถลบรอยสักได้ กระปุกดอทคอมจะขอแนะนำวิธีลบรอยสักอย่างปลอดภัยกันครับ

เวลาที่อยากจะลบรอยสักเราจะนึกถึงการเลเซอร์ก่อนเป็นอันดับแรก แต่ยังมีเทคนิคทางการแพทย์อีกหลายวิธีที่สามารถลบรอยสักได้ เช่น

1. เลเซอร์ อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเป็นวิธีแรกที่คนนึกถึงและได้รับความนิยมมาก การทำงานของเลเซอร์คือการใช้ลำแสงความเข้มข้นสูงไปทำให้เม็ดสีของหมึกแตกตัวออก ซึ่งหมึกสีดำมักจะจางได้ง่ายกว่าสีอื่น ๆ แต่มีข้อเสียคือเจ็บและต้องทำหลายครั้งจึงสามารถลบรอยสักได้เกลี้ยง

2. รักษาด้วยความเย็น วิธีการนี้จะใช้สารที่ให้ความเย็นจัด เช่น ไนโตรเจนเหลว ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบวมขึ้นแล้วจึงขัดผิวชั้นบนออก วิธีการนี้ค่อนข้างเจ็บปวดและใช้ไม่ได้กับเม็ดสีสีเหลืองและสีเขียว รวมถึงคนที่สักทับรอยแผลเป็นหรือมีผิวแพ้ง่ายก็ไม่ควรทำ ซึ่งต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

3. ผ่าตัด เป็นวิธีที่เหมาะกับรอยสักเล็ก ๆ ในบริเวณที่ซ่อนได้ เพราะเป็นการตัดผิวหนังบริเวณที่สักออกไปเลยแล้วเย็บผิวหนังให้ติดกัน วิธีนี้จะทำให้มีรอยแผลเป็น แถมหายช้า แต่ก็เหมาะกับรอยเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องการเก็บไว้อีกแล้ว

4. ฉายแสงแบบเข้มข้น เป็นการใช้แสงเพื่อทำลายเม็ดสีเช่นเดียวกับการเลเซอร์ แต่กินพื้นที่กว้างกว่า เมื่อเวลาผ่านไปผิวบริเวณนั้นจะสมานผ่านการสร้างผิวใหม่ วิธีนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสูงและเจ็บน้อยกว่าเลเซอร์ แต่ไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำ ทั้งยังราคาแพงกว่าเลเซอร์อีกด้วย

นอกจากเทคนิคทางการแพทย์แล้ว ก็ยังมีวิธีที่สามารถลบรอยสักได้ด้วยตัวเอง ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ซึ่งบางวิธีอาจจะต้องใช้เวลามากหน่อย แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ได้แก่

1. ใช้เมคอัปปกปิด เป็นวิธีการลบรอยสักชั่วคราว เผื่อจะต้องโชว์ผิวที่ปราศจากรอยสักในวันสำคัญ วิธีการคือใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่ให้การปกปิดระดับสูงเกลี่ยทับให้ทั่วรอยสักเพื่อกลบรอยสักให้มิดแล้วใช้แป้งฝุ่นปัดทับเพื่อให้ผิวไม่มีความมัน

2. ขัดผิวด้วยเกลือ โดยใช้เกลือถูให้ทั่วบริเวณที่สักเป็นระยะ ๆ แต่อย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวบางและรู้สึกเจ็บได้ เกลือจะไปกัดผิวชั้นบน และทำให้รอยสักค่อย ๆ จางลงไป แต่ก็ใช้เวลานาน

3. ว่านหางจระเข้ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นอกจากจะบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นแล้วยังช่วยลบเม็ดสีจากรอยสักให้จางลงได้ด้วย วิธีการก็คือ ทาว่านหางจระเข้สดลงบนรอยสักอย่างน้อยวันละ 4 ครั้งเป็นประจำ

4. น้ำผึ้ง ใช้น้ำผึ้งผสมกับว่านหางจระเข้ เกลือ และโยเกิร์ต ให้กลายเป็นครีม นำไปพอกบริเวณรอยสัก ทำวันละประมาณ 4 ครั้งเช่นกัน วิธีนี้จะได้ผลดีกว่าการใช้ว่านหางจระเข้เพียงอย่างเดียว

5. มะนาว มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ และทำหน้าที่ฟอกผิวจึงสามารถช่วยลบเม็ดสีหมึกของรอยสักได้ โดยนำมะนาวมาผสมกับเกลือแล้วขัดบนรอยสักให้ทั่ว ทำเป็นประจำจะช่วยให้รอยสักค่อย ๆ จางลงจนหายไป

6. ครีมลบรอยสัก ปัจจุบันมีครีมสำหรับการลบรอยสักขายด้วย แต่ควรศึกษาข้อมูลให้มั่นใจ รวมถึงปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อการลบรอยสักที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

รอยสักจะจางลงหรือหายไปได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหลายปัจจัยประกอบ ซึ่งส่งผลต่อการลบรอยสัก ดังนี้

• ขนาดของรอยสัก รอยสักขนาดใหญ่มักจะลบยากกว่าขนาดเล็ก 

• สีของหมึก ยิ่งสีเข้มหมึกยิ่งแตกตัวยาก

• คุณภาพของหมึก หมึกที่คุณภาพต่ำจะแตกตัวได้ง่ายกว่าหมึกคุณภาพสูง

• อายุของรอยสัก ยิ่งสักมานาน ลายยิ่งจาง จึงลบง่ายกว่าลายที่เพิ่งสักมาใหม่ ๆ

• สีผิว ยิ่งสีผิวกับสีของรอยสักใกล้กันเท่าไหร่ ก็จะยิ่งพรางตาได้ง่ายขึ้นมากเท่านั้น ลบไม่กี่ครั้งรอยก็จางจนแทบไม่เห็น

• สุขภาพผิว ยิ่งผิวสุขภาพดีการลบรอยสักก็จะง่ายขึ้น ผิวจะฟื้นตัวเร็ว ทำให้สามารถลบรอยสักซ้ำได้บ่อย ๆ

นอกจากนี้อย่าลืมดูแลตัวเองดี ๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามดูแลผิวให้ดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้การลบรอยสักสามารถทำได้ง่ายขึ้นครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : parenting.firstcry.com, tattoovanishmethod.com, dr-youngforever.co