กลิ่นปาก ลมหายใจ ก็เป็นอีกอย่างที่ผู้ชายเราต้องใส่ใจ

          นอกจากเสื้อผ้า หน้า ผม กลิ่นกาย ที่ผู้ชายต้องดูแลอย่างดีเพื่อภาพลักษณ์แล้ว กลิ่นปาก หรือลมหายใจ ก็เป็นอีกอย่างที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน เพราะต่อให้แต่งตัวดี บุคลิกภาพเป๊ะแค่ไหน แต่กลิ่นปากกลับคลุ้งกระจาย คนรอบข้างก็อาจจะพากันเดินหนีได้ อย่าปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเอง มาหาสาเหตุและวิธีป้องกันรักษากลิ่นปากที่กระปุกดอทคอมหยิบมาฝากในวันนี้กันดีกว่าครับ

สาเหตุของกลิ่นปาก


          เศษอาหารและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ตามลิ้น ร่องเหงือก ฟัน ฟันปลอม และเหล็กจัดฟัน คือสาเหตุหลัก ๆ ของปัญหากลิ่นปาก นอกจากนี้การปล่อยให้เกิดหินปูน ฟันผุ หรือแผลในช่องปาก ก็มีส่วนทำให้ลมหายใจเหม็นด้วยเหมือนกัน ดังนั้น การทำความสะอาดช่องปากจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ

2. อาหารการกิน

          การกินอาหารที่มีกลิ่นแรง ๆ เช่น กาแฟ กระเทียม หัวหอม เครื่องแกงหรือเครื่องเทศต่าง ๆ ทุเรียน ฯลฯ เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์วนเวียนอยู่เต็มปากเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะจะทำให้ปากแห้งและมีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดออกมากับลมหายใจตลอดเวลา

3. โรคต่าง ๆ

          โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ ต่อมทอนซิลอักเสบ กรดไหลย้อน โรคกระเพาะ หรือแม้แต่โรคเบาหวาน ก็ล้วนส่งผลให้เกิดกลิ่นปากได้

          ชัดเจนอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายอย่าง ทั้งโรคเหงือก โรคฟัน โรคระบบทางเดินหายใจ โรคทางเดินอาหาร รวมไปถึงกลิ่นที่ติดสะสมอยู่ในช่องปากและลมหายใจ

วิธีการป้องกันและรักษากลิ่นปาก


          เบสิกสุด ๆ เลยคือ การแปรงฟัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและก่อนนอน แต่แนะนำว่าให้พกแปรงสีฟันไว้ที่ทำงาน เพื่อใช้แปรงในระหว่างวันด้วย จะได้มั่นใจว่าคุณพร้อมเสมอต่อให้มีประชุมหรือการนัดคุยกับลูกค้าแบบกะทันหัน

2. ไหมขัดฟันทุกวัน

          แค่แปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะเศษอาหารเล็ก ๆ จะติดอยู่ในซอกฟันส่วนลึกที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้น ควรหัดใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ให้เป็นนิสัย จะได้มั่นใจว่าไม่มีเศษอาหารหลงเหลือ

3. ทำความสะอาดลิ้นด้วย
          ลิ้น เป็นอวัยวะในช่องปากที่มีความอุ่น เปียกชื้น และสัมผัสกับอาหารทุกครั้ง จึงกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งทุกครั้งหลังแปรงฟันเสร็จ ให้นำที่ขัดลิ้น หรือแปรงสีฟันที่มีด้านขัดลิ้น ถูเบา ๆ ตั้งแต่โคนจนถึงปลายลิ้น (ทนจั๊กจี้เอาหน่อย) จากนั้นก็บ้วนปากอีกครั้ง

4. น้ำยาบ้วนปาก

          การใช้น้ำยาบ้วนปาก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขจัดแบคทีเรียและคราบสกปรกในส่วนที่แปรงสีฟันและไหมขัดฟันเข้าไม่ถึง ซึ่งน้ำยาบ้วนปากสูตรรักษาโรค จะมีส่วนผสมบางอย่างที่ช่วยป้องกันโรคในช่องปากได้ โดยแนะนำให้ใช้กลั้วปากอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ประมาณ 30-60 วินาที

5. เลือกกินอาหารให้เหมาะสม


          ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ปากแห้ง และมีกลิ่นเหม็นในช่องปาก บางคนสูบหนัก ดื่มหนัก จนกลิ่นติดไปยันลมหายใจเลยก็มี ทางที่ดีเพื่อความมั่นใจเต็มร้อย ควรลด ละ เลิก กาแฟ บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนที่สุขภาพร่างกายและช่องปากจะแย่ไปมากกว่านี้

7. เคี้ยวหมากฝรั่งสูตรไม่มีน้ำตาล

          บางครั้งไม่มีตัวเลือกอื่น การเคี้ยวหมากฝรั่งที่ใช้ ไซลิทอล (Xylitol) ให้ความหวานแทนน้ำตาล จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยเปลี่ยนลมหายใจให้หอมสดชื่นได้เร็วที่สุด ซึ่งการเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยเร่งการผลิตน้ำลายมากขึ้น รวมทั้งไซลิทอลยังช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดคราบบนฟันได้อีกทาง

8. หายใจผ่านจมูก

          อย่างที่ทราบกันดีว่าอีกสาเหตุใหญ่ของการมีกลิ่นปากคือ การขาดน้ำลาย ซึ่งส่งผลให้ปากแห้ง การหายใจทางจมูกช่วยป้องกันไม่ให้ปากของคุณแห้ง และช่วยให้น้ำลายได้ทำหน้าที่กำจัดแบคทีเรียในช่องปากอย่างต่อเนื่อง


          ถ้าลองหมดทุกข้อแล้ว กลิ่นปากยังวนกลับมารบกวนอยู่เรื่อย ๆ แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากหินปูน แผลในช่องปาก ฟันผุ หรือโรคเหงือก

          หากยังไม่ดีขึ้นอีกควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ เช่น โรคกระเพาะ ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคเบาหวาน โรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคมะเร็ง ซึ่งมีผลต่อกลิ่นลมหายใจด้วยเช่นกัน