ใครว่าการรับใช้ชาติเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนเต็มใจเสมอไป หากได้เห็นภาพถ่ายชุดนี้ของชายที่ไม่สมัครใจจะเข้ารับราชการทหาร แล้วจะรู้ว่าโลกนี้มีสองด้านจริง ๆ
ภาพถ่าย ถือเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย และในหลาย ๆ ครั้ง ภาพถ่ายก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนความคิดและความเชื่อทางสังคมอย่างเช่นภาพถ่ายชุดนี้ ที่เว็บไซต์ boredpanda.com นำมาให้เราชมกัน เห็นแล้วแอบรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยกับสิ่งที่พวกเขาเหล่านี้รู้สึกซึ่งขัดแย้งกับความเชื่อทางสังคม แต่ก็ยากที่จะต้านทานได้ เพราะนี่เป็นสิ่งพวกเขาเหล่านี้ต้องทำ
ภาพถ่ายเหล่านี้จัดทำขึ้นโดย 2 สาวชาวลิทัวเนีย ซึ่งคลุกคลีในวงการบันเทิงอย่าง Beata Tiskevic-Hasanova นักแสดงสาวและพิธีกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และ Neringa Rekasiute ช่างภาพและนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ โดยจุดประสงค์ของภาพชุดนี้คือ ต้องการบอกเล่าถึงความรู้สึกของชายที่ต้องถูกเรียกตัวเข้ารับราชการโดยไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน
เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 เมื่อผู้ชายกว่า 37,000 คน ในช่วงอายุระหว่าง 19-26 ปี ตื่นมาและพบว่าพวกเขามีชื่ออยู่ในรายชื่อเรียกตัวเข้ารับราชการทหารแบบไม่ทันตั้งตัวและมีมากกว่า 3,000 คนจะต้องเข้ารายงานตัวในผลัดแรกทันที
แม้ว่า 2 ใน 3 ของผลัดแรกนั้นจะเป็นผู้ที่สมัครใจ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่าไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่ และพวกเขาเองก็ไม่ได้สมัครใจ แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านได้ นอกจากนี้พวกเขายังต้องแบกรับความคิดของผู้คนรอบข้างที่มีผลตอบรับที่รุนแรงเมื่อทราบว่าพวกเขาเองไม่ได้สมัครใจ บ้างก็หาว่าพวกเขาไม่สมชายชาตรี หรือไม่ก็กล่าวหาว่าเขาขี้ขลาดและน่าอับอาย
ความคิดเห็นที่รุนแรงเหล่านี้ทำให้ ทั้ง Beata และ Neringa เกิดความคิดที่ต้องการจะสะท้อนความรู้สึกในใจของกลุ่มชายชาวลิทัวเนียที่ไม่ต้องการเข้ารับราชการทหารเพื่อให้คนส่วนใหญ่ที่ยังมองว่าการไม่เต็มใจคือเรื่องน่าอายได้รับรู้ความคิดของพวกเขาบ้าง
โดยในภาพถ่ายชุดนี้ได้อาสาสมัครเป็นชาย 14 คน ในวัย 17-28 ปี ซึ่งพวกเขาจะถูกช่างภาพถ่ายขณะที่กำลังร้องไห้ในขณะที่ยังสวมชุดเครื่องแบบทหาร โดยศิลปินได้คิดว่านี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าความคาดหวังผิด ๆ ที่คนมักจะคิดว่าเพศชายจะต้องเป็นเพศที่มีอารมณ์ก้าวร้าว นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเพศไหนต่างก็มีความเสมอภาค และต่างก็มีชีวิตจิตใจและความรู้สึกเช่นเดียวกันทั้งสิ้น นอกจากนี้อาสาสมัครทั้ง 14 คนก็ยังได้ถูกขอให้แสดงความคิดเห็นของพวกเขาเมื่อต้องถูกเรียกเข้ารับราชการทหารอีกด้วย
JAUNIUS อายุ 18 ปี : ปืนที่อยู่ในมือ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความมาดแมนเป็นชายชาตรีแต่อย่างใด
VYTAUTAS อายุ 27 ปี : การเป็นทหารไม่ได้ทำให้คุณเปลี่ยนแปลง หากก่อนคุณเข้าไปเป็นทหารคุณยังเป็นคนโง่เขลา ออกมาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
DOMINYKAS อายุ 26 ปี : นี่เป็นสิทธิของผมที่จะเลือกเป็นคนในแบบที่อย่างจะเป็น
JUSTAS อายุ 18 ปี : ความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือการที่เราจะทำได้ตามอย่างที่เราคิด ซึ่งนั่นจะทำให้เราเข้มแข็ง 
VYTENIS อายุ 18 ปี : ผมต้องไปเป็นทหาร แต่บางครั้ง ผมก็ยังขาดความกล้าและความแข็งแกร่งที่จะทำในสิ่งต่าง ๆ กองทัพเป็นสิ่งที่ดีถ้าหากคุณสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ ผมได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนที่กลายเป็นทหารอาสาสมัคร 
EDVINAS อายุ 17 ปี : คุณสามารถกักขังสิทธิในการเลือกของผู้ชายคนหนึ่งและเรียกสิ่งนั่นว่าเป็นอิสระในการใช้ชีวิตได้หรือ ?
DANAS อายุ 28 ปี :ในความคิดของผม เมื่อสมัยโบราณผู้ชายจำเป็นจะต้องเป็นคนออกไปล่าสัตว์เพื่อนำกลับมาเป็นอาหารให้คนในครอบครัวมาโดยตลอด ผมคิดว่าการเป็นทหารก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไรนัก แต่การบังคับก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลประกาศออกมาอย่างกะทันหันโดยไม่มีการรับฟังความคิดเห็นใด ๆ หรือแม้แต่เวลาเตรียมตัว อย่างน้อยก็ควรมีระเบียบแบบแผนอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเขามีสิทธิ์ที่จะถูกเรียกเข้าเกณฑ์ทหาร
DENISAS อายุ 23 ปี : สังคมในทุกวันนี้ไม่มีที่ให้สำหรับการบีบบังคับแล้ว สิ่งที่กำลังบังคับกันอยู่ควรเป็นสิ่งที่สามารถเลือกได้ตามความสมัครใจ 
MARTYNAS อายุ 22 ปี : นี่จะเป็นเรื่องที่สมชายชาตรีกว่านี้หากได้สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง
JEGOR อายุ 25 ปี : ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งสูญเสีย
ROKAS อายุ 17 ปี : สิ่งที่ทำให้เราดูเป็นผู้ชายคือการทำเพื่อเป้าหมายของตนเอง และรักษาคุณค่าของตนเอง แม้ว่าทุกคนจะสามารถเข้าสู่สงครามได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะต้องเป็นทหาร 
MINDAUGAS อายุ 28 ปี : เมื่อสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ การเกณฑ์ทหารถูกยกเลิกไปแล้ว ผมรู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อมองกลับไปแล้ว ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีกว่าในการจะไปเป็นทหาร เพราะตอนนี้ผมมีบริษัทและงานที่ต้องรับผิดชอบเอง แต่กลับต้องให้คนอื่นมาทำแทน ทั้ง ๆ ที่ผมควรจะดูแลทั้งหมดด้วยตัวเอง
JUSTAS อายุ 27 ปี : การไปเป็นทหารเป็นเรื่องเสียเวลา เราต้องการทหารมากขึ้นอีกเท่าไรกัน?
LUKAS อายุ 25 ปี : ถ้าผมถูกเรียกตัวไปเป็นทหาร ผมก็คงจะพยายามหาทางหลีกเลี่ยง ผมมีครอบครัว และครอบครัวมาเป็นอันดับแรก เราสร้างหลายอย่างมาด้วยกัน ผมไม่อยากจะจากไป
จากที่ได้เห็นความรู้สึกของอาสาสมัครเหล่านี้แล้วก็คงพอทำให้ทราบกันว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่เต็มใจกับการที่ต้องถูกเรียกเข้ารับราชการทหารแบบกะทันหัน ซึ่งทั้ง Beata และ Neringa เองก็ได้คาดหวังว่าภาพถ่ายชุดนี้จะสามารถสะท้อนความคิดไปถึงผู้คนที่ยังคิดตรงข้ามให้ได้เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกอีกด้านบ้าง สำหรับใครที่สนใจอยากชมภาพถ่ายอื่น ๆ ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ neringark.com
ภาพจาก boredpanda.com
