7 สิ่งที่เทคโนโลยี 5G จะเปลี่ยนโลกใบนี้

          ในปัจจุบันปี 2020 เทคโนโลยี 5G เริ่มเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทผลิตมือถือก็เริ่มหันมาทำมือถือที่รองรับ 5G กันมากขึ้น รวมทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายต่าง ๆ ก็เริ่มเตรียมตัวเปิดให้บริการ 5G กันบ้างแล้ว ซึ่งการมาของเทคโนโลยี 5G นี้อาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับหลาย ๆ อย่างในโลกรอบตัวเราก็เป็นได้ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปชมกันเลย

1. เมืองอัจฉริยะ
          เนื่องจาก 5G นั้นมีความเร็วที่สูงกว่าและรองรับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้พร้อมกันมากกว่า 4G หลายเท่า และนั่นก็น่าจะสามารถทำให้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราไปจนถึงทั้งเมืองสามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สวมใส่อย่างสมาร์ตวอตช์ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างหลอดไฟหรือตู้เย็น รวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ภายนอกอาคาร เช่น รถยนต์ ไฟสัญญาณจราจร ป้ายแสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่เราเคยเห็นกันในหนัง Sci-Fi นั่นเอง

2. รถยนต์ไร้คนขับ

          แน่นอนว่าการที่รถยนต์จะสามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องมีคนขับนั้น จำเป็นจะต้องใช้การเชื่อมต่อ 5G ที่มีความเร็วสูงและตอบสนองได้รวดเร็ว เพื่อให้การควบคุมรถยนต์แบบอัตโนมัติทำได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ซึ่งตัวรถยนต์จะต้องเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางถนน สัญญาณไฟจราจร รถยนต์คันอื่น ๆ บนถนน และสิ่งอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนรถยนต์

3. AR / VR
          การที่จะผสมผสานเทคโนโลยี AR และ VR เข้าด้วยกันเป็นเกมให้เราสามารถเดินโลดแล่นในโลกกึ่งเสมือนจริง คือให้โลกเสมือนมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในโลกจริง ๆ ได้นั้น ก็จำเป็นต้องใช้ความเร็วจากเครือข่าย 5G ด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจะทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อและสัมผัสกับประสบการณ์ AR/VR ได้ทั่วทุกมุมโลก และนอกจากการสนุกกับการเล่นเกมแล้ว ก็ยังสามารถใช้นัดพบปะหรือประชุมในโลกเสมือนจริงกันได้อีกด้วย

4. วิดีโอสตรีมมิ่ง

          การดูวิดีโอสตรีมมิ่งอย่างเช่น Netflix ในปัจจุบันนั้นมีความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K หรือในอนาคตก็อาจจะเป็น 8K ก็ได้ ซึ่งการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านแบบสาย LAN หรือ Wi-Fi ก็อาจจะเร็วเพียงพอ แต่ถ้าดูผ่านมือถือด้วยเครือข่าย 4G แล้วก็อาจจะไม่ค่อยเพียงพอหรือไม่เสถียรนัก สำหรับใครที่จะดูผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตที่มีหน้าจอ 4K หรือ 8K ถ้าหากใช้ 5G ก็น่าจะสามารถดูได้ลื่นไหลมากขึ้นเยอะเลยล่ะ
 
5. เกมมือถือ
          ปัจจุบันการเล่นเกมมือถือแบบออนไลน์ผ่านเครือข่าย 4G นั้น สำหรับเกมที่ต้องใช้ความไวในการตอบสนองสูง ค่า Latency ของ 4G อาจไม่ดีพอที่จะเล่นแข่งขันระดับฮาร์ดคอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก โดยเฉพาะเกมที่ต้องใช้ความรวดเร็วอย่างเกม Shooting หรือ Racing ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้เครือข่าย 5G จะทำให้ได้ค่า Latency ที่ดีขึ้น การตอบสนองในเกมรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังส่งผลให้เล่นเกมผ่านระบบ Cloud Streaming ได้ลื่นไหลมากขึ้นอีกด้วย

6. ดาวน์โหลดทุกอย่างได้เร็วขึ้น

          ไม่ว่าจะใช้งานอะไรก็ต้องมีการดาวน์โหลดเกิดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งการที่อินเทอร์เน็ต 5G มีความเร็วสูงกว่า 4G ราว ๆ 20% นั้นก็ช่วยให้การดาวน์โหลดทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และในอนาคตสักวันก็อาจจะเร็วกว่าหรือเทียบเท่าอินเทอร์เน็ต Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตบ้านก็เป็นได้

7. ด้านการแพทย์

          ความเร็วและความเสถียรของเครือข่าย 5G ก็มีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์เช่นกัน อย่างเช่นระบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาล รวมทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่สามารถทำงานและส่งข้อมูลกันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถควบคุมแบบระยะไกลได้ ไปจนถึงหุ่นยนต์สำหรับช่วยในการผ่าตัดและอื่น ๆ อีกมากมาย

          นอกจากทั้ง 7 สิ่งดังกล่าวแล้ว เทคโนโลยี 5G ก็น่าจะมีผลต่อสิ่งอื่น ๆ ในโลกอีกมากมาย ซึ่งโดยรวมก็คงทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเราสะดวกสบายและมีสีสันมากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะได้สัมผัสกับความเร็วแรงของ 5G ได้นั้นก็คงต้องเตรียมหาอุปกรณ์ 5G ที่รองรับเอาไว้ก่อนนะ