เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สังคมทุกวันนี้ทำให้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีชีวิตเหมือน ๆ กันไปซะหมด คืออยู่ท่ามกลางเวลาที่จำกัด ทำอะไรก็ต้องรีบร้อนไปซะหมด เพราะต้องเผชิญกับรถติดระหว่างทาง ไหนจะงานที่กินเวลาแทบทั้งวันอีก ทำให้กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดจนไม่อยากออกกำลังกายอีกต่อไป แต่ขืนปล่อยไว้แบบนี้จะทำให้สุขภาพแย่เอาได้นะ
ดังนั้นการหาเพลงมาฟังเพื่อผ่อนคลายจึงน่าจะเป็นวิธีที่ช่วยได้มาก เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้การออกกำลังกายดูน่าสนใจมากขึ้น ไม่ใช่มีแต่ความเหนื่อยล้าอย่างเดียว จนแค่คิดก็ทำให้เราเบื่อหน่ายขึ้นมาแล้ว หลาย ๆ คนจึงมักเปิดเพลงคลอไปด้วยระหว่างฟิตร่างกาย รวมไปถึงการเต้นแอโรบิคที่มักมีเพลงประกอบเร้าใจด้วย
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการฟังเพลงเนี่ย ไม่ได้ช่วยให้การออกกำลังสนุกขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันมีผลกับประสิทธิภาพการออกกำลังกายของคุณด้วย ซึ่งเพลงแต่ละเพลงก็ให้อารมณ์แตกต่างกันออกไป เช่น เพลงบัลลาดจะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่เพลงแดนซ์ให้ความรู้สึกคึกคักกระตือรือร้นมากขึ้น คุณจึงจำเป็นต้องเลือกเพลงให้เหมาะกับการออกกำลังกายด้วย
โดยจากการวิจัยของ Waterhouse et al. ซึ่งทำการทดลองผ่านอาสาสมัครชาย 12 คน โดยให้แต่ละคนออกกำลังกายเวียนเป็น 4 ชุด เป็นเวลาชุดละครึ่งชั่วโมง และในขณะที่ออกกำลังกายก็ใส่หูฟังไปด้วย ซึ่งเครื่องเล่นจะเปิด 6 เพลงที่กำลังฮิตติดชาร์ตในช่วงนั้นให้ฟัง โดยที่ทุกเพลงถูกดัดแปลงออกเป็น 3 แบบด้วยกัน คือ แบบที่เร็วขึ้น 10%, แบบปกติ และแบบที่ช้าลง 10% โดยที่อาสาสมัครแต่ละคนไม่มีใครรู้แม้แต่น้อยว่าทุก ๆ เพลงมีแบบที่เร็วและช้าลงด้วย แต่พวกเขากลับสามารถออกกำลังกายได้คล่องแคล่วรวดเร็วมากที่สุด ในขณะที่ฟังเพลงแบบที่เร็วกว่าปกติ 10% ทำให้เห็นได้ว่าเพลงเร็วนั้นมีผลกับประสิทธิภาพการออกกำลังกายจริง มันจึงเป็นสาเหตุที่ครูสอนออกกำลังกายมักพยายามเปิดเพลงประกอบเพื่อกระตุ้นลูกศิษย์ของตัวเอง
ในเมื่อรู้แบบนี้แล้ว คราวหน้าก็อย่าลืมเลือกเพลงโปรดพร้อมจังหวะโดนใจ มาใช้เปิดฟังเพลิน ๆ ระหว่างการออกกำลังกายด้วยนะ คุณจะได้ออกกำลังกายได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเบื่อหรือเครียดแบบแต่ก่อน อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยไม่จำเป็นต้องไปเข้าฟิตเนสหรือจ้างเทรนเนอร์มาคอยคุมให้ยุ่งยากยังไงล่ะครับ
