เสียงนาฬิกาปลุกอาจเป็นเหมือนฝันร้ายของหลาย ๆ คนอยู่ไม่น้อย เพราะนั่นหมายความว่าถึงเวลาที่ต้องตื่นเพื่อออกไปใช้ชีวิตอีกครั้ง โดยเฉพาะคนที่โหมทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ หรือออกไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ๆ เมื่อถึงเวลาแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัว และยังตื่นขึ้นมาในสภาพสะลึมสะลือง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา จากนี้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวเองในทุก ๆ เช้าด้วย 10 เคล็ดลับประจำวันที่จะช่วยปลุกร่างกายให้รู้สึกสดชื่น มีใบหน้าที่สดใส พร้อมเริ่มวันใหม่อย่างมีชีวิตชีวากันดีกว่า
1. ออกกำลังกายตอนเช้า
ส่วนใครที่ตื่นแล้วออกไปทำงานเลยทันที อยากให้ลองปรับพฤติกรรมใหม่โดยตื่นให้เร็วขึ้นและไปออกกำลังกายดูบ้าง แล้วอารมณ์จะเปลี่ยนไปทันทีจากที่เคยง่วงเหงาหาวนอน จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะการออกกำลังกายตอนเช้าจะทำให้ระบบการเผาผลาญมีประสิทธิภาพ และทำงานได้ดีขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ช่วยทำให้รู้สึกมีความสุขมากขึ้นด้วย
2. วิดพื้น 100 ครั้งต่อวัน
สำหรับคนที่ออกกำลังกายตอนเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว จากนี้ให้ลองการวิดพื้นเข้าไปด้วย โดยทำให้ได้ประมาณ 100 ครั้งต่อวัน เพื่อกระตุ้นการทำงานกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งสะโพก แขน และหน้าท้อง จากนี้ไปก็จะหมดปัญหาเรื่องส่วนเกินแล้ว และยังได้สุขภาพที่แข็งแรงกลับมาด้วย คราวนี้ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็มั่นใจได้ทุกท่วงท่า
3. ดื่มกาแฟอุ่น ๆ สักถ้วย
ช่วงเช้าก่อนทำงานเติมพลังให้กับตัวเองด้วยกาแฟอุ่น ๆ สักแก้วน่าจะดี โดยเฉพาะกาแฟดำ ชาดำ และชาเขียว เนื่องจากเครื่องดื่มทั้ง 3 ชนิดนี้ไม่เพียงแต่จะกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกกระชุ่มกระชวยแล้ว ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ ที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลง ไปพร้อมกับต่อต้านโรคร้ายต่าง ๆ ได้อีกนานาชนิด และร่างกายจะแข็งแรงมากขึ้นหากมีการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย
4. ปรุงอาหารด้วยตัวเอง
ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาหารที่มาจากร้านต่าง ๆ นั้นใส่วัตถุดิบและเติมเครื่องปรุงอะไรลงไปบ้าง ฉะนั้นคงจะดีกว่าหากปรุงอาหารทานเอง เพราะเราสามารถกำหนดเครื่องปรุงและวัตถุดิบได้ด้วยตัวเอง ซึ่งปลอดภัยกว่ากันเยอะเลย นอกจากจะกำหนดปริมาณได้แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคได้เยอะเลย
5. เพิ่มพลังด้วยอาหารเช้า
ร่างกายคนเราก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรกลที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ และเพิ่มพลังงานสำหรับขับเคลื่อนตัวเองในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปตลอดทั้งวัน ฉะนั้นควรเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยอาหารอร่อย ๆ สักจาน อาจจะเป็นข้าว แซนด์วิช หรือซีเรียลก็ได้ ซึ่งถ้าจะให้ดีควรเน้นสารอาหารจำพวกโปรตีน ตามด้วยผักกับผลไม้ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
6. โกนหนวดให้สะอาด
หนวดเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีความสำคัญต่อรูปลักษณ์ภายนอกมากเลย ฉะนั้นเสียสละเวลาแค่ห้านาทีกำจัดออกสักหน่อยจะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูดีขึ้นมากเลย อาจไม่จำเป็นต้องทำเป็นประจำทุกวันก็ได้ แต่ถ้าหากเริ่มเยอะแล้วก็ควรจะโกนออก ทั้งนี้รวมไปถึงขนส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ด้วย อย่างเช่น ขนจมูกไรผม และขนระหว่างคิ้ว
7. บำรุงผิวหน้าให้สดใส
สุขภาพผิวที่ดีนั้นมาจากการหมั่นบำรุงดูแลและใส่ใจเป็นประจำ โดยเริ่มจากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ ซึ่งสำหรับผู้ชายควรใช้โฟมล้างหน้าที่ประกอบด้วยกรดซาลิกไซลิค และเม็ดสครับ เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป และทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึกยิ่งขึ้น จากนี้ปัญหาบนใบหน้า ทั้งสิว ริ้วรอย ความหมองคล้ำก็ไม่กลับมากวนใจอีกแล้ว
8. ดูแลรอบดวงตาด้วยครีมบำรุง
ร่องรอยรอบดวงตาเป็นจุดแรกที่ฟ้องอายุได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากไม่อยากจะโดนมองว่าแก่เกินวัย หรือต้องการมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไปทำศัลยกรรมที่ไหนแล้วล่ะก็ หมั่นดูแลผิวรอบดวงตาด้วยการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และวิตามินเอเป็นประจำทุก ๆ วัน เพราะสารประกอบเหล่านี้จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้เต่งตึง ไร้ริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
9. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
ในแต่ละวันผิวต้องต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากมายทั้งแสงแดดและสารเคมี ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิวบอบบางและอ่อนแอลงทุกวัน ดังนั้นจึงควรปกป้องผิวจากสิ่งเหล่านี้ด้วยครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟตั้งแต่ 30 เป็นต้นไป เพื่อคืนความชุ่มชื่น ปรับภาพโครงสร้างผิวให้แข็งแรงก่อนที่จะออกไปเผชิญกับความเสี่ยงภายนอก และชะลอการเกิดริ้วรอยให้ช้าลง
10. สร้างเอกลักษณ์ด้วยกลิ่นน้ำหอม
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ก่อนออกจากบ้านหยิบน้ำหอมมาฉีดสักหน่อยตามบริเวณข้อพับต่าง ๆ อย่างเช่น ต้นคอ ข้อมือ ซึ่งกลิ่นหอม ๆ เหล่านั้นจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เฉพาะตัว สร้างเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนเข้าหามากขึ้น
ไม่ว่าจะต้องตื่นเช้าแค่ไหนก็ไม่หวั่นหากได้ทำอย่างที่เรากล่าวมา แรก ๆ อาจจะเริ่มทำจากข้อสองข้อ แล้วค่อยปรับเปลี่ยนวิธีการ หรือเพิ่มกิจกรรมเข้าไปให้มากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายมีความพร้อมเตรียมรับศึกหนักในแต่ละวันเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีในระยะยาวในเรื่องของการมีสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรงด้วย
