เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
จากการสัมมนาภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย เพื่อก้าวใหม่กับการพัฒนาระบบสุขภาพ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ทันตแพทย์หญิงกนิษฐา บุญธรรมเจริญ นักวิจัยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ได้กล่าวว่า จากการศึกษาดัชนีชี้วัดภาวะสุขภาพของประชากร ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตของประชากรไทยนับเฉพาะกลุ่มผู้ชายเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย
ซึ่งจากการวิจัยเผยว่า ผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำมีผลทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ติดสุรา ซึมเศร้า อาการบาดเจ็บ รองลงมาคือ อุบัติเหตุทางท้องถนน สูบบุหรี่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเอดส์และโรคมะเร็งตับ เป็นต้น ส่วนทางด้านผู้หญิงนั้นสาเหตุหลักมาจากโรคอ้วน การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง และไม่ออกกำลังกาย ซึ่งหากติดตามเป็นแบบกลุ่มอายุและเพศจะพบว่าเด็กอายุ 1-4 ปี จะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุจมน้ำและการจราจรมากที่สุด ส่วนช่วงอายุ 15-29 ปี ผู้ชายจะเสียชีวิตมากกว่าผู้หญิง 3 เท่า โดยส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุตามท้องถนนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้หญิงสาเหตุหลักคือ โรคเอดส์และอุบัติเหตุตามท้องถนน อยู่ที่ 23 เปอร์เซ็นต์เท่ากัน สำหรับช่วงอายุ 30-39 ปี ผู้ชายส่วนมากจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รองลงมาคือ โรคเอดส์ ส่วนผู้หญิงมาจากโรคเบาหวานและการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ในขณะที่ประชากรช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไปนั้นมีอัตราการเสียชีวิตไม่ต่างกันมากและมีสาเหตุที่แตกต่างปะปนกันไป
ทันตแพทย์หญิงกนิษฐากล่าวว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะปี 2552 ซึ่งขณะนั้นถ้านับประชากรจำนวนทั้งหมด 63 ล้านคน พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 5 หมื่นคน ซึ่งจากผลที่ออกมาสะท้อนความเสี่ยงระหว่างเพศให้เห็นที่แตกต่างกัน โดยเพศชายจะติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงวัย 15-29 ปี ซึ่งทันตแพทย์หญิงกนิษฐษายังกล่าวเพิ่มเติมว่า การวิเคราะห์ภาวะโรคเพื่อให้หน่วยงานทั้งหมดของประเทศรับทราบถึงสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น และนำไปปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าควรเพิ่มมาตรการลดการบริโภคแอลกอฮอล์ ยาสูบ รวมไปอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพทั้งหลายด้วย
นอกจากนี้ ในอนาคตทางคณะผู้วิจัยจะเริ่มทำการศึกษาถึงภาระโรคที่สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันได้ เช่น ถ้าเกิดลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงจะสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอื่นต่อเนื่องได้มากเท่าไหร่ ซึ่งจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะลดอัตราการเสียชีวิตได้กี่เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าน่าจะทราบผลในปี 2556
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ 
