x close

เปิดเส้นทางชีวิต สงกรานต์ กว่าจะมาเป็นพ่อเลี้ยงโบนันซ่า





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram songkarntae, Youtube.com โพสต์โดย nrok030109

           ถ้าได้ยินชื่อ "โบนันซ่า" หลายคนคงนึกถึง สถานที่พักผ่อนสบาย ๆ ในเขาใหญ่ หรือว่าเทศกาลดนตรีกลางหุบเขาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี รวมไปถึงชื่อของ "สงกรานต์ เตชะณรงค์" พ่อเลี้ยงโบนันซ่า หรือผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ที่สืบทอดธุรกิจในพื้นที่เกือบ 5,000 ไร่ จากคุณพ่อของเขา ... ถึงแม้ว่า สงกรานต์ จะเกิดมาบนกองเงินกองทอง เป็นลูกของมหาเศรษฐี แต่ใครเลยจะรู้ว่า เส้นทางชีวิตของเขา เคยก้าวผิดพลาด จนเกือบเสียอนาคตมาแล้วครั้งหนึ่ง

           ส่วนเรื่องราวที่เรานำมาเสนอนั้น มาจากรายการ สุริวิภา ออกอากาศเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของคุณสงกรานต์ พร้อมมุมมองในการชีวิต หลังจากที่เคยก้าวพลาดมาแล้ว  โดย สงกรานต์ เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ตนเป็นลูกตนโต มีน้องสาว 2 คน และน้องชาย 1 คน เป็นน้องคนสุดท้อง...



           ด้าน คุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ ประธานบริหารหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ หรือ คุณพ่อของสงกรานต์ ได้เล่าถึงการเลี้ยงดูลูกให้ฟังว่า ตนเลี้ยงลูกง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่มีกรอบ ตอนเด็ก ๆ เขาก็ขี่ม้า ยิงนก ตกปลา ตามประสาไปเรื่อย ๆ จากนั้นตนก็ส่งเขาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เมื่อจบไฮสคูล ก็กลับมาเมื่อไทย หลังจากนั้นสงกรานต์ก็ได้ถูกชักชวนเข้าวงการบันเทิง ความจริงแล้วตนก็ไม่ค่อยชอบให้เขาอยู่ในวงการนี้เท่าไร เพราะเป็นที่รู้ดีว่าในสมัยก่อน มักจะมีข่าวเกี่ยวกับยาเสพติดค่อนข้างบ่อย เปิดข่าวเจอเด็ก ๆ ในผับ นั่งตรวจฉี่ ตรวจ 100 คน เจอฉี่ม่วง 80 คน แล้วตอนนั้นสงกรานต์ก็เริ่มเป็นนายแบบ บางทีหายไปหลายวัน เราก็เริ่มกังวล ถือได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงวิกฤติในครอบครัวเลยก็ว่าได้

           ส่วนคุณสงกรานต์ กล่าวว่า ช่วงที่เข้าวงการตนอายุ 15-16 ปี ด้วยความที่เป็นเด็กไม่เกเร แถมหัวอ่อน พอเจอคนเยอะ ๆ เจอสังคมใหม่ ๆ ก็ทำให้ถูกชักจูงได้ง่าย ยิ่งสมัยก่อนไม่มีการตรวจบัตร เด็กแค่ไหนก็เข้าไปเที่ยวได้ ตนเลยเที่ยวกลางคืนเกือบทุกคืน มีเพื่อนฝูงรุมล้อมมากมาย มีรถขับ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ใช้เงินมากสุดวันละเป็นแสน ๆ บาท (คุณพ่อแทรกว่า ตกใจเหมือนกัน เพราะเพิ่งรู้จากรายการนี้) เงินส่วนมากก็เอาไปแต่งรถ ซื้อเสื้อผ้า และเลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้าเพื่อน

           สงกรานต์ กล่าวต่อว่า ด้วยความที่ตนยังเด็ก บวกกับความคึกคะนองของวัยรุ่น เวลาไปเที่ยวก็เคยลองบ้าง ซึ่งในสังคมตอนนั้น แทบจะทุกคนเคยลองมาเหมือนกัน แต่โชคดีที่ตนไม่ได้ลองอะไรที่ที่รุนแรง เช่น เฮโรอีน ตนลองเพียงยาอีเท่านั้น พอช่วงเสพอาการมันก็ตื่น ๆ คล้าย ๆ เมาเหล้า

           ด้านคุณพ่อของสงกรานต์ กล่าวต่อว่า ช่วงนั้นตนรู้แล้วว่าสงกรานต์ลองยา แต่ไม่ใช่แค่สงกรานต์คนเดียวที่ตนเป็นห่วง ตนห่วงวัยรุ่นทั้งประเทศ เพราะยาอีซื้อง่ายขายคล่องเหมือนซื้อลูกอม สำหรับสงกรานต์เขาอยู่ในช่วงนั้นเพียงแต่ 5-6 เดือน แต่เป็น 5-6 เดือนที่ทรมานอย่างมากสำหรับครอบครัว

           "ผมพูดกับสงกรานต์ว่า ชีวิตของคนเรามีอยู่ 2 ทาง คือ ขึ้นสวรรค์กับลงนรก สงกรานต์โชคดีที่เกิดมาเป็นลูกเสี่ย แต่ผมลำบากมาก เพราะผมเกิดเป็นลูกเตี่ย ซึ่งที่ผ่านมา ผมก็พยายามทำงานหนัก และสร้างทุกอย่างขึ้นมาเองกับมือ ส่วนสงกรานต์เขาเกิดมาก็สบายแล้ว มีโอกาสมากกว่าทุกคน ถ้าไม่อยากลงนรกผมก็อยากให้เขากลับไปเรียน" คุณพ่อของสงกรานต์ กล่าว

           คุณไพวงษ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่ตนตัดสินใจว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนั่นก็คือ ตนเห็นเขาเมาไม่รู้สึกตัว พูดอะไรก็เบลอ ๆ ส่วนภรรยาของตนก็นั่งร้องไห้ พอเขาเห็นอย่างนั้น เขาเลยขอไปอยู่ที่เขาใหญ่ และเตรียมไปเรียนเมืองนอก ซึ่งตนได้ให้คนรถไปส่งด้วย แล้วตนก็โทรเช็คตลอดทาง เมื่อไปถึงสระบุรี ตนก็โทรเช็คอีก คราวนี้คนรถบอกว่า สงกรานต์ขอเข้าห้องน้ำ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงตนก็โทรไปอีก แต่สงกรานต์ก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ จึงได้คนรถเข้าไปหา ปรากฎว่า ไม่เจอตัวสงกรานต์แล้ว พอตนได้ยินก็เครียดมาก ทำอะไรไม่ถูกสับสนไปหมด เป็นห่วงเขา กลัวเขาได้รับอันตราย หายังไงก็หาไม่เจอ ตนเลยสวดมนต์ขอกับพระว่า กรรมดีที่ตนทำไว้ทั้งหมด ขอให้ช่วยลูกของตนให้ปลอดภัยด้วย หลังจากนั้นประมาณตี 3 เพื่อนที่เป็นตำรวจโทรมาบอกว่า เจอสงกรานต์แล้ว นั่งอยู่ริมกำแพง ในอาการเบลอ ๆ

           ด้าน สงกรานต์ กล่าวเสริมว่า ตอนนั้นก็เริ่มคิดได้แล้วว่าทำให้พ่อแม่เสียใจ เลยต้องทำอะไรสักอย่างให้หลุดพ้นจากตรงนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป อนาคตของตนคงไม่รอด เลยตัดสินใจเดินไปหาพ่อบอกว่าขอเรียนต่อ ซึ่งตนเลือกที่จะเรียนในประเทศนิวซีแลนด์ เนื่องจากน้องสาวคนเล็กเรียนอยู่ด้วย และอีกอย่าง ประเทศนิวซีแลนด์มีอบายมุขน้อยมาก แต่ก่อนตอนที่พ่อว่าและดุด่า ตนก็คิดเพียงแค่ว่า ตนทำตัวเอง ตนไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่มีใครต้องเดือดร้อน ทำไมถึงต้องมาว่าตนด้วย แต่คราวนี้ตนเห็นแล้วว่า การกระทำของตนทำให้คนที่ตนรัก และคนที่รักตนเครียด และเสียใจมาก...

           ขณะที่ คุณพ่อของสงกรานต์ กล่าวว่า เรื่องที่สงกรานต์เคยเสพยา หรือเรื่องที่เขาเกเร ตนยินดีที่จะเล่าให้คนอื่นฟัง ตนไม่แคร์สายตาใคร หรือคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอาย เพราะในตอนนั้นเป็นเรื่องที่สังคมควรตระหนักถึงปัญหายาเสพติด เนื่องจากมีข่าวอาชญากรรมที่เกิดจากยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ส่วนความรู้สึกที่ทราบว่า สงกรานต์ตั้งใจจะไปเรียนเมืองนอกนั้น ตนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาหนีสิ่งที่ไม่ดี ไปหาสิ่งที่ดีกว่านั้นก็คือการเรียนหนังสือ แล้วอีกอย่างบ้านเมืองที่นิวซีแลนด์ ไม่ค่อยมีเรื่องยาเสพติด แค่เวลา 5 โมงเย็น ครอบครัวแต่ละครอบครัวก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว เหลือแต่แกะ (หัวเราะ)

           ทางด้านหนุ่มสงกรานต์ ได้เปิดเผยชีวิตที่ไปอยู่ในต่างแดนให้ฟังว่า ตนทำงานไปเรียนไป เป็นเด็กเสิร์ฟ และทำอาหาร เนื่องจากตนว่างเลยหาอะไรทำ ถ้าถามว่าช่วงนั้นเลิกยาหรือยัง ตนเลิกได้แล้ว แต่อาจจะมีปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ๆ บ้าง ส่วนคุณพ่อของสงกรานต์ กล่าวว่า ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าเขาทำงาน ถ้าตนรู้คงไม่ส่งเงินไปให้ใช้ ส่วนที่ตนรู้เป็นเพราะว่า ตนโทรไปหาเขาแล้วได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า เป็ดหมดแล้ว ให้ไปรับเป็ด เขาเลยบอกตนว่าเขาทำงานอยู่นะ ซึ่งเมื่อตนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก ...



           คุณพ่อของสงกรานต์ กล่าวต่อว่า จากนั้นพอครบกำหนดที่สงกรานต์ต้องกลับประเทศไทย แต่เขาก็ยังไม่ยอมกลับ เพราะอยู่เฝ้าร้านแทนเจ้าของที่ลาไปประมาณเดือนหนึ่ง แล้วมีอยู่วันหนึ่ง เขาโทรมาสะอื้นกับตน และเล่าให้ฟังว่า เขาทำงาน 4 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน แต่เขาได้เงินแค่ 4 ชั่วโมงต่อวัน แล้วเขาก็ดูแลทั้งร้านตอนที่เจ้าของไม่อยู่ ทำไมเขาถึงได้เงินแค่นี้ เขาเจ็บใจมาก ผมก็เลยปลอบเขาโดยพูดติดตลก ว่า ถ้าโดนโกง ก็ให้ขึ้นไปคืนเช็คกับเจ้าของร้าน แล้วบอกเขาว่า เราไม่ได้โกงเวลางาน เราทำงาน 4 ชั่วโมงครึ่งต่อวันจริง แต่ถ้าเขาไม่รับ ก็ถามว่าร้านนี้ ราคาเท่าไร ขอซื้อร้านต่อไปเลย (หัวเราะ) แต่สุดท้ายสงกรานต์ก็ไม่ได้ทำอย่างที่ตนพูด และเอาเงินไปคืนจริง ซึ่งทางร้านก็ยอมคืนเงินให้ในราคา 4 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากเข้าใจผิด  ... อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ตนมองว่า เขามีความคิดเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น เขารู้จักทวงสิทธิ์ และรู้ค่าของเงินเล็ก ๆ น้อย ซึ่งทำให้ตนวางใจว่า เขาน่าจะสามารถมาสืบช่วงต่อกิจการของตนได้

           คุณพ่อของสงกรานต์ ยังกล่าวอีกว่า กลับมาเขาก็ระมัดระวังในการใช้เงินเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ที่เขาเฮี้ยว ๆ ก็จะขอเงินซื้อรถสปอร์ตที่เขาอยากได้ตลอด พอกลับมาตนให้เขามาทำงานกับตนเลยจะให้รถเขาคันหนึ่ง ด้านเพื่อนที่ทำงานมอร์เตอร์โชว์ ก็พยายามจะเอารถเจ๋ง ๆ มาให้เลือก แต่บอกว่าไม่อยากได้รถพวกนี้ แล้วขอแค่รถปิ๊กอัพเท่านั้น

           ด้านสงกรานต์ กล่าวต่อว่า ตนเพิ่งรู้ว่าการหาเงินมาได้แต่ละบาทมันยากเย็นขนาดไหน แต่ก่อนตนก็แค่แบมือขอ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย ตอนนี้รู้แล้วว่าการหาเงินมันเหนื่อย เลยต้องค่อย ๆ ใช้อย่างระมัดระวัง ส่วนเรื่องเหล้ายานั้น ตนก็ค่อย ๆ เลิกไป เพราะคิดว่ามันเป็นแค่ความสุขชั่วครู่ชั่วคราว ไม่จีรังยังยืน  แถมยังทำให้คนที่รักเราต้องทนทุกข์อีกด้วย มีแต่เสียกับเสียไม่มีประโยชน์อะไรเลย

           พร้อมกันนี้ คุณสงกรานต์ ได้บอกว่า ตนเรียนจบมา 2 สาขา สาขาแรกคือ บริหารธุรกิจไฟแนนซ์ ส่วนสาขาที่สองคือ ซัพพลายเชนจ์ ส่วนสิ่งแรกที่ตนริเริ่มทำในธุรกิจครอบครัว คือ แอดเวนเจอร์ โบนันซ่า ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่เอาใจเด็ก ๆ ของแขกที่มาพักในโรงแรมของเรา ... จุดเริ่มต้นเลยคือตนเห็นว่า เด็ก ๆ เมื่อมาเที่ยวกับครอบครัว คุณพ่อก็มีความสุขได้ตีกอล์ฟ ส่วนคุณแม่ได้พักผ่อนสมใจ แต่คุณลูกไม่มีอะไรทำ ตนเลยสร้างสวนสนุกแห่งนี้ขึ้นมา มีทั้งปีนผา พายเรือ บีบีกัน ขี่เอทีวี มอเตอร์ไซค์วิบาก นอกจากนี้ก็ยังยินดีต้อนรับแขกที่แวะผ่านมาด้วย ซึ่งผลตอบรับเป็นไปด้วยดีเกินคาดเลยทีเดียว

           ด้านคุณพ่อของสงกรานต์ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ตอนนี้สงกรานต์เขามาคุยข่มตน บอกว่าสนามกอล์ฟของพ่อลงทุนหลายล้าน แต่สวนสนุกของเขาลงทุนนิดเดียว แต่ได้กำไรพอกันเลย (หัวเราะ) นอกจากนี้ คุณพ่อของสงกรานต์ ยังกล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ตนภาคภูมิใจกับสิ่งที่เขาเป็น พอเห็นความสำเร็จของเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แต่ตนก็ภูมิใจมาก ต่อจากนี้ไป ตนหวังว่าเขาจะเข้มแข็ง และสานต่อธุรกิจของตนได้จนประสบความสำเร็จ

           ท้ายนี้ สงกรานต์ ได้ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่ช่วยเขามาตลอดไม่ว่าเขาจะแย่ขนาดไหน แต่ทุกคนก็ให้โอกาส และพร้อมให้อภัยตนเสมอ... และนี่ก็คือเส้นทางสู่การเป็นธุรกิจหนุ่มไฟแรงของหนุ่ม สงกรานต์ เตชะณรงค์ ที่วันนี้นอกจากหน้าที่การงานที่รุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องแล้ว ด้านชีวิตส่วนตัวของเขายังสดใสเป็นสีชมพู (ม๊าก) เพราะเพิ่งจะพ่วงตำแหน่งสามีของนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงอย่าง แอฟ ทักษอร ยังไงล่ะ^^





สงกรานต์ เตชะณรงค์ รายการ สุริวิภา 1/5




สงกรานต์ เตชะณรงค์ รายการ สุริวิภา 2/5




สงกรานต์ เตชะณรงค์ รายการ สุริวิภา 3/5




สงกรานต์ เตชะณรงค์ รายการ สุริวิภา 4/5




สงกรานต์ เตชะณรงค์ รายการ สุริวิภา 5/5








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดเส้นทางชีวิต สงกรานต์ กว่าจะมาเป็นพ่อเลี้ยงโบนันซ่า อัปเดตล่าสุด 27 เมษายน 2555 เวลา 15:28:19 3,921 อ่าน
TOP