หนุ่มเปิดประสบการณ์ พลิกตัวเองจากร่างยักษ์ หนัก 208 กิโลกรัม สู่หุ่นฟิตสุดล่ำ หลังลดน้ำหนักได้ 113 กิโลกรัม นำเอาความฝันมาเป็นแรงบันดาลใจ จนได้เป็นทหารดังที่หวัง
หลายครั้งที่ประสบการณ์เลวร้ายในชีวิต ก็ทำให้เราจมอยู่กับความเศร้าจนเผลอปล่อยปละละเลยตัวเองไป หลายคนลืมดูแลตัวเองจนปล่อยร่างกายซูบผอม ในขณะที่บางคนใช้การกินเป็นวิธีระบายความเครียด ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เสพติดพฤติกรรมแย่ ๆ ในการกิน จนมีรูปร่างใหญ่ยักษ์ไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือการกลับมารักตัวเองอีกครั้ง ดังเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อดัน เพรสคอตต์ หนุ่มอเมริกัน วัย 25 ปี จากรัฐแอริโซนา ผู้เคยมีน้ำหนักตัวมากถึง 208 กิโลกรัม แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนตัวเองเพื่อก้าวตามความฝัน ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการกำจัดไขมันในร่างกาย รีดน้ำหนักออกไปร่วม 113 กิโลกรัม ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี จนได้เข้าเป็นหนึ่งในนาวิกโยธินสหรัฐฯ ดังที่หวังไว้
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
เรื่องราวของเพรสคอตต์ ถูกนำมาเปิดเผยทางเว็บไซต์เมโทร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 โดยเขาชี้ว่า เส้นทางการลดน้ำหนักของเขาเริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เขาตัวใหญ่มากจนไม่สามารถก้มลงผูกเชือกรองเท้าเองได้ เขายังไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ด้วยเหตุผลเพียงเพราะโรคอ้วน
เพรสคอตต์ ยอมรับว่า พฤติกรรมเสีย ๆ เกี่ยวกับการกินของเขาเริ่มขึ้นตอนที่เขาอายุ 18 ปี ตอนนั้นพ่อของเขาซึ่งเป็นทหาร เกิดอาการหัวใจวายและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาทนรับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้และเริ่มระบายความเศร้าโศกด้วยการกิน จนเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เสพติดอาหารขยะ จำพวกเบอร์เกอร์ พิซซ่า ของทอด รวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลกับไขมันสูง นอกจากนี้เขายังดื่มน้ำอัดลมอีกวันละ 11 ลิตร
จุดที่เพรสคอตต์มีน้ำหนักตัวมากที่สุดคือเดือนตุลาคม 2559 โดยเขาหนักมากถึง 208 กิโลกรัม ด้วยสภาพเช่นนั้นทำให้เขาเดินลำบาก ก้มลงผูกเชือกรองเท้าเองไม่ได้ และหดหู่กับรูปร่างของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
"ผมรู้ว่าตัวเองค่อนข้างตัวใหญ่ แต่ก็ไม่คิดว่าผมจะตัวใหญ่ยักษ์อะไร แต่ตอนนี้เมื่อผมย้อนกลับไปมองรูป ก็รู้สึกตัวว่าผมตัวใหญ่มากจริง ๆ" เพรสคอตต์ กล่าว
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ขอทนมีชีวิตแบบเดิมอีก เขาอยากที่จะประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในชีวิต และก็นำเอาความฝันในวัยเด็กมาเป็นแรงบันดาลใจ นั่นคือความฝันจะเข้าร่วมหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ เดินตามรอยเท้าของพ่อที่เป็นทหาร
"แม้ตอนนี้พ่อจะไม่อยู่แล้ว แต่เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้ผมลดน้ำหนัก และเปลี่ยนชีวิตไปในทิศทางที่ผมต้องการ" เพรสคอตต์ กล่าว
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
สิ่งแรกที่เขาทำก็คือปรับการกินใหม่ทั้งหมด เพรสคอตต์เลิกกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด ให้เหลือไม่เกินวันละ 1,200 แคลอรี ซึ่งเพียงแค่ 2 เดือนแรก เขาก็ลดไปได้ 22.5 กิโลกรัม และเมื่อเวลาผ่านไปครบปี เขาพบว่าน้ำหนักตัวหายไปจากเดิมถึง 45 กิโลกรัม
เพรสคอตต์ยังคุมอาหารต่อไปจนกระทั่งช่วงกลางปี 2560 ที่น้ำหนักของเขาลดลงจนอยู่ในจุดที่สามารถออกกำลังกายได้ โดยเขาเริ่มจากกิจกรรมเบา ๆ อย่างการเดิน แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะ ๆ และทำบอดี้เวตที่บ้าน ซึ่งความพยายามทั้งหมดทำให้เขาน้ำหนักลดลงอีก
กระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ความฝันของเพรสคอตต์ที่จะเข้าร่วมกองทัพก็ใกล้เป็นจริง แต่เขายังต้องลดน้ำหนักอีกสิบกว่ากิโลกรัม ซึ่งเขาก็ยังคงดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด กินอาหารเพื่อสุขภาพอย่างไก่ ไข่ ปลา ผัก ข้าว และมันฝรั่ง กระทั่งเขาลดน้ำหนักได้ถึงเป้าหมาย เหลือ 104 กิโลกรัม ในเดือนพฤษภาคม จนสมัครเข้ากองทัพได้
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
จากนั้นอีก 5 เดือนที่เพรสคอตต์ต้องเข้าร่วมการฝึกบูตแคมป์ เขาต้องออกกำลังกายอย่างหนักและเข้าทดสอบสมรรถภาพ ซึ่งเขาต้องทุ่มเทอย่างหนักในการรักษาความฟิตของร่างกาย กระทั่งสามารถผ่านการทดสอบทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม
ตอนนั้นเขาหนักเพียงแค่ 95 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเพรสคอตต์บอกเลยว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาฟิตที่สุดในชีวิตเท่าที่จำได้ และเขาก็พอใจกับรูปร่างของตัวเองมาก
นับจากนั้นเพรสคอตต์ยังคงออกกำลังกาย 6 ครั้งต่อสัปดาห์ และจดจ่อกับการสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงในตัวเอง โดยเขามีแผนจะเข้ารับการผ่าตัดกำจัดผิวหนังส่วนเกินออกในปี 2564
"ผมภูมิใจที่ตัวเองเปลี่ยนแปลง ภูมิใจในจุดที่ผมอยู่ตอนนี้เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน ผมมีความสุขยิ่งกว่าที่เคย และคิดว่าพ่อก็คงภูมิใจในตัวผมเช่นกัน" เพรสคอตต์ กล่าว
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ขอบคุณข้อมูลจาก เมโทร
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
หลายครั้งที่ประสบการณ์เลวร้ายในชีวิต ก็ทำให้เราจมอยู่กับความเศร้าจนเผลอปล่อยปละละเลยตัวเองไป หลายคนลืมดูแลตัวเองจนปล่อยร่างกายซูบผอม ในขณะที่บางคนใช้การกินเป็นวิธีระบายความเครียด ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เสพติดพฤติกรรมแย่ ๆ ในการกิน จนมีรูปร่างใหญ่ยักษ์ไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือการกลับมารักตัวเองอีกครั้ง ดังเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อดัน เพรสคอตต์ หนุ่มอเมริกัน วัย 25 ปี จากรัฐแอริโซนา ผู้เคยมีน้ำหนักตัวมากถึง 208 กิโลกรัม แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนตัวเองเพื่อก้าวตามความฝัน ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการกำจัดไขมันในร่างกาย รีดน้ำหนักออกไปร่วม 113 กิโลกรัม ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี จนได้เข้าเป็นหนึ่งในนาวิกโยธินสหรัฐฯ ดังที่หวังไว้
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
เรื่องราวของเพรสคอตต์ ถูกนำมาเปิดเผยทางเว็บไซต์เมโทร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 โดยเขาชี้ว่า เส้นทางการลดน้ำหนักของเขาเริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เขาตัวใหญ่มากจนไม่สามารถก้มลงผูกเชือกรองเท้าเองได้ เขายังไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ด้วยเหตุผลเพียงเพราะโรคอ้วน
เพรสคอตต์ ยอมรับว่า พฤติกรรมเสีย ๆ เกี่ยวกับการกินของเขาเริ่มขึ้นตอนที่เขาอายุ 18 ปี ตอนนั้นพ่อของเขาซึ่งเป็นทหาร เกิดอาการหัวใจวายและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาทนรับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้และเริ่มระบายความเศร้าโศกด้วยการกิน จนเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เสพติดอาหารขยะ จำพวกเบอร์เกอร์ พิซซ่า ของทอด รวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลกับไขมันสูง นอกจากนี้เขายังดื่มน้ำอัดลมอีกวันละ 11 ลิตร
จุดที่เพรสคอตต์มีน้ำหนักตัวมากที่สุดคือเดือนตุลาคม 2559 โดยเขาหนักมากถึง 208 กิโลกรัม ด้วยสภาพเช่นนั้นทำให้เขาเดินลำบาก ก้มลงผูกเชือกรองเท้าเองไม่ได้ และหดหู่กับรูปร่างของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
"ผมรู้ว่าตัวเองค่อนข้างตัวใหญ่ แต่ก็ไม่คิดว่าผมจะตัวใหญ่ยักษ์อะไร แต่ตอนนี้เมื่อผมย้อนกลับไปมองรูป ก็รู้สึกตัวว่าผมตัวใหญ่มากจริง ๆ" เพรสคอตต์ กล่าว
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ขอทนมีชีวิตแบบเดิมอีก เขาอยากที่จะประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในชีวิต และก็นำเอาความฝันในวัยเด็กมาเป็นแรงบันดาลใจ นั่นคือความฝันจะเข้าร่วมหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ เดินตามรอยเท้าของพ่อที่เป็นทหาร
"แม้ตอนนี้พ่อจะไม่อยู่แล้ว แต่เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้ผมลดน้ำหนัก และเปลี่ยนชีวิตไปในทิศทางที่ผมต้องการ" เพรสคอตต์ กล่าว
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
สิ่งแรกที่เขาทำก็คือปรับการกินใหม่ทั้งหมด เพรสคอตต์เลิกกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด ให้เหลือไม่เกินวันละ 1,200 แคลอรี ซึ่งเพียงแค่ 2 เดือนแรก เขาก็ลดไปได้ 22.5 กิโลกรัม และเมื่อเวลาผ่านไปครบปี เขาพบว่าน้ำหนักตัวหายไปจากเดิมถึง 45 กิโลกรัม
เพรสคอตต์ยังคุมอาหารต่อไปจนกระทั่งช่วงกลางปี 2560 ที่น้ำหนักของเขาลดลงจนอยู่ในจุดที่สามารถออกกำลังกายได้ โดยเขาเริ่มจากกิจกรรมเบา ๆ อย่างการเดิน แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะ ๆ และทำบอดี้เวตที่บ้าน ซึ่งความพยายามทั้งหมดทำให้เขาน้ำหนักลดลงอีก
กระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ความฝันของเพรสคอตต์ที่จะเข้าร่วมกองทัพก็ใกล้เป็นจริง แต่เขายังต้องลดน้ำหนักอีกสิบกว่ากิโลกรัม ซึ่งเขาก็ยังคงดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด กินอาหารเพื่อสุขภาพอย่างไก่ ไข่ ปลา ผัก ข้าว และมันฝรั่ง กระทั่งเขาลดน้ำหนักได้ถึงเป้าหมาย เหลือ 104 กิโลกรัม ในเดือนพฤษภาคม จนสมัครเข้ากองทัพได้
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
จากนั้นอีก 5 เดือนที่เพรสคอตต์ต้องเข้าร่วมการฝึกบูตแคมป์ เขาต้องออกกำลังกายอย่างหนักและเข้าทดสอบสมรรถภาพ ซึ่งเขาต้องทุ่มเทอย่างหนักในการรักษาความฟิตของร่างกาย กระทั่งสามารถผ่านการทดสอบทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม
ตอนนั้นเขาหนักเพียงแค่ 95 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเพรสคอตต์บอกเลยว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาฟิตที่สุดในชีวิตเท่าที่จำได้ และเขาก็พอใจกับรูปร่างของตัวเองมาก
นับจากนั้นเพรสคอตต์ยังคงออกกำลังกาย 6 ครั้งต่อสัปดาห์ และจดจ่อกับการสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงในตัวเอง โดยเขามีแผนจะเข้ารับการผ่าตัดกำจัดผิวหนังส่วนเกินออกในปี 2564
"ผมภูมิใจที่ตัวเองเปลี่ยนแปลง ภูมิใจในจุดที่ผมอยู่ตอนนี้เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน ผมมีความสุขยิ่งกว่าที่เคย และคิดว่าพ่อก็คงภูมิใจในตัวผมเช่นกัน" เพรสคอตต์ กล่าว
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack
ขอบคุณข้อมูลจาก เมโทร
ภาพจาก อินสตาแกรม papa_fat_sack