เปรียบเทียบบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งระหว่าง Apple Music กับ Spotify เลือกฟังเพลงบริการไหนดีกว่ากัน
1. ฐานข้อมูลเพลง
Apple
Music มีเพลงให้ฟังมากกว่า 45 ล้านเพลง ซึ่งมากกว่า Spotify
ที่มีเพลงมากกว่า 35 ล้านเพลง นอกจากนี้ Apple Music ยังสามารถฟังเพลงจาก
iTunes ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่เคยซื้อเอาไว้หรือเพลงจากในเครื่อง
ซึ่งทั้งหมดสามารถ Sync กับ iCloud เพื่อฟังบนทุกอุปกรณ์ได้ ส่วน Spotify
นั้นก็สามารถฟังเพลงในเครื่องได้
แต่จะสามารถฟังได้เฉพาะบนอุปกรณ์ที่เก็บเพลงนั้นไว้ในเครื่องเท่านั้น
ไม่สามารถ Sync ไปฟังบนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้
2. การหาเพลงฟัง
ทั้ง
Apple Music และ Spotify
ต่างก็มีระบบแนะนำและช่วยเลือกเพลงประเภทที่ตรงกับความชอบของผู้ใช้
โดยอ้างอิงจากประเภทของเพลงและศิลปินที่ผู้ใช้เลือกตอนสมัครบัญชีครั้งแรก
รวมทั้งเพลงที่ชอบเลือกฟังบ่อย ๆ นอกจากนี้ Apple Music ก็ยังมี Beats1
Radio ซึ่งเป็นสถานีวิทยุที่มีดีเจมาเปิดเพลงให้ฟังกันสด ๆ ส่วนในฝั่งของ
Spotify ก็มีจุดเด่นของเตัวเองก็คือระบบ Playlist ที่มีทั้ง Playlist
ของประเภทเพลงต่าง ๆ รวมทั้ง Playlist
ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเองซึ่งสามารถแชร์ให้กันและกันได้
3. ฟีเจอร์ด้านโซเชียล
Apple
Music นั้นมีฟีเจอร์โซเชียลให้ผู้ฟังสามารถติดตามศิลปินที่ชื่นชอบได้
โดยศิลปินจะโพสต์อัปเดตผลงานต่าง ๆ ให้แฟน ๆ ได้ชมพร้อมสามารถกดไลก์
คอมเมนต์ หรือแชร์ไปบนโซเชียลอื่น ๆ อย่าง Facebook ได้ แต่สำหรับ Spotify
นั้นจะเป็นโซเชียลในอีกแนวหนึ่งคือให้เพื่อนติดตามเพื่อนได้ โดยแอปฯ
Spotify บนเดสก์ท็อปจะสามารถดูได้ว่าเพื่อน ๆ
เรากำลังฟังเพลงอะไรอยู่แบบเรียลไทม์ และสามารถแชร์เพลงไปบนโซเชียลอื่น ๆ
ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้
4. ความสะดวกในการใช้งาน
ทั้ง
Apple Music และ Spotify ต่างก็มีแอปฯ
ให้สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์หลากหลาย ทั้งบน iOS, Android, Windows, Mac
รวมทั้งสามารถฟังเพลงบนเว็บไซต์ได้
นอกจากนี้ก็ยังสามารถสตรีมเพลงไปยังลำโพงไร้สายต่าง ๆ ได้อีกด้วยเช่นกัน
แต่ Spotify จะรองรับอุปกรณ์หลากหลายกว่าหน่อย เช่น บนเครื่องเกม
PlayStation 4 และ Xbox One สามารถเปิดเพลงจาก Spotify ฟังขณะเล่นเกมได้
5. คุณภาพเสียง
ในแอปฯ
Spotify ผู้ใช้สามารถเลือกปรับคุณภาพเสียงได้สูงสุด 320kbps
(กรณีเป็นสมาชิกแบบพรีเมียม) แต่ถ้าฟังบนเว็บไซต์หรือ Chromecast
จะเลือกได้สูงสุดที่ 256kbps ส่วนของ Apple Music นั้นจะสตรีมเพลงที่
256kbps ซึ่งในความเป็นจริงนั้นก็ถือว่าคุณภาพเสียงอยู่ในระดับพอ ๆ กัน
ถ้าหากคุณไม่ใช่กลุ่ม Audiophile ก็คงจะแยกความแตกต่างไม่ออกว่า Apple
Music กับ Spotify นั้นอันไหนเสียงดีกว่า แต่ถ้าหากคุณเป็น Audiophile
ก็น่าจะไปฟังบริการอื่น ๆ ที่รองรับ Lossless อย่าง Tidal จะเหมาะกว่า
6. ค่าบริการ
ทั้ง
Apple Music และ Spotify มีค่าบริการรายเดือนแบบพรีเมียมอยู่ที่ 129
บาทเท่ากัน แต่ Spotify
อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงฟรีได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ
แต่จะมีข้อจำกัดอย่างเลือกเปลี่ยนเพลงได้จำกัดครั้ง
ไม่สามารถเลือกเพลงแบบอิสระได้ และมีโฆษณาคั่น ส่วน Apple Music
นั้นแบบฟรีจะฟังได้เฉพาะสถานีวิทยุ Beats1 Radio
ไม่สามารถเลือกเพลงฟังฟรีได้เลย
ภาพและข้อมูลจาก digitaltrends, cnet, Apple Music, Spotify
ในยุคนี้ไม่ว่าใครก็คงจะหันมาฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งกันหมด เพราะทั้งสะดวกและสามารถฟังเพลงได้ไม่จำกัด ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อเป็นรายเพลง โดยบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งที่กำลังได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ก็คงจะไม่ใช่อื่นใดนอกจาก Apple Music และ Spotify ซึ่งแต่ละบริการก็มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป วันนี้เราก็เลยนำทั้งสองบริการมาเปรียบเทียบกันให้ดู สำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะใช้บริการไหนดีจะได้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น
2. การหาเพลงฟัง
3. ฟีเจอร์ด้านโซเชียล
4. ความสะดวกในการใช้งาน
5. คุณภาพเสียง
6. ค่าบริการ
ภาพและข้อมูลจาก digitaltrends, cnet, Apple Music, Spotify