เปิดตัว macOS Mojave มี Dark Mode พร้อม Mac App Store โฉมใหม่

          Dark Mode จะแปลงโฉมเดสก์ท็อปให้เป็นธีมสีโทนเข้ม ช่วยเน้นให้คอนเทนต์ของผู้ใช้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ในขณะที่ส่วนควบคุมถอยไปอยู่ในฉากหลัง ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างเดสก์ท็อปแบบสว่างและแบบมืดได้ โดยแอปฯ Mac อย่าง Mail, Messages, Maps, Calendar และ Photos ต่างก็รองรับ Dark Mode นอกจากนี้ macOS Mojave ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Dynamic Desktop ที่จะเปลี่ยนรูปภาพบนเดสก์ท็อปให้เข้ากับช่วงเวลาของวันโดยอัตโนมัติ

          - Stacks สำหรับเดสก์ท็อปสามารถจัดการเดสก์ท็อปให้เป็นระเบียบได้ด้วยการซ้อนไฟล์แยกเป็นกลุ่มโดยอัตโนมัติตามประเภทของไฟล์ และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งการทำงานของ Stacks ให้จัดกลุ่มตามคุณลักษณะอื่น ๆ ของไฟล์ได้อีกด้วย เช่น วันที่และแท็ก

          - Finder ใน macOS Mojave ได้มีการปรับปรุงในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Gallery View ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูเนื้อหาในไฟล์แบบคร่าว ๆ ได้ หรือหน้าต่างแสดงตัวอย่างที่วันนี้สามารถแสดงเมตาดาต้าของไฟล์ได้อย่างครบถ้วน ช่วยให้การจัดการไฟล์สื่อรูปแบบต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น และยังมี Quick Actions ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างจากใน Finder ได้ทันที เช่น การสร้าง PDF แบบล็อกรหัสผ่าน และการใช้ Automator Actions กับไฟล์ ส่วน Quick Look จะแสดงตัวอย่างของไฟล์แบบเต็มหน้าจออย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหมุนและครอปตัดรูปภาพ ทำเครื่องหมายบนไฟล์ PDF หรือตัดต่อวิดีโอและคลิปเสียงได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดแอปฯ

แอปฯ News, Stocks, Voice Memos และ Home

          - Stocks สำหรับนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ ควบคู่ไปกับรายการหุ้นที่น่าจับตามอง ราคา และกราฟแบบอินเทอร์แอ็คทีฟ

          FaceTime แบบกลุ่มช่วยให้การคุยหลาย ๆ คนพร้อมกันกลายเป็นเรื่องง่าย โดยสามารถเพิ่มผู้เข้าร่วมได้เรื่อย ๆ ตลอดเวลา หรือเลือกเข้าร่วมในภายหลังหากยังคุยกันอยู่ โดยจะเลือกเข้าร่วมเป็นแบบวิดีโอหรือเสียงจาก iPhone, iPad หรือ Mac ก็ได้ และยังสามารถเข้าร่วมโดยใช้ FaceTime แบบเสียงจาก Apple Watch ได้อีกด้วย

          Mac App Store ใน macOS Mojave ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ใหม่ และคอนเทนต์น่าสนใจจากบรรณาธิการที่จะช่วยให้การค้นพบแอปฯ Mac ที่ใช่กลายเป็นเรื่องง่าย ดีไซน์ใหม่นี้จะนำเสนอแอปฯ ใหม่และแอปฯ ที่อัปเดตในแถบ Discover ส่วนแถบ Create, Work, Play และ Develop จะช่วยผู้ใช้หาแอปฯสำหรับงานบางประเภทได้ตรงจุดประสงค์การใช้งาน นอกจากนี้ผู้ใช้ยังจะได้พบกับแอปฯ จากนักพัฒนาชั้นนำอีกมากมายใน Mac App Store ไม่ว่าจะเป็น Office จาก Microsoft หรือ Lightroom CC จาก Adobe และที่สำคัญผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอฯ จาก Mac App Store ด้วยความมั่นใจเช่นเคย เพราะแอปฯ ทั้งหมดได้ผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากแอปเปิลแล้วว่ามีความปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน

ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

          ฟีเจอร์ "การป้องกันการติดตามอัจฉริยะ" ที่ได้รับการปรับปรุงใน Safari จะช่วยปิดกั้นไม่ให้ปุ่ม "ถูกใจ" หรือ "แชร์" รวมถึงวิดเจ็ตสำหรับการคอมเมนต์บนโซเชียลมีเดียติดตามผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้ง Safari ยังแสดงข้อมูลของระบบอย่างง่ายในขณะที่ผู้ใช้ท่องเว็บเพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดตามผู้ใช้โดยอิงจากข้อมูลเฉพาะของระบบ รวมทั้งสามารถตั้งรหัสผ่านที่เดายาก ช่วยกรอก และจัดเก็บรหัสผ่านโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้สร้างบัญชีออนไลน์ และยังช่วยเตือนให้ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านที่ใช้ซ้ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการปกป้องข้อมูลแบบใหม่ที่กำหนดให้แอปฯ ต้องขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนจะใช้กล้องและไมโครโฟนของ Mac หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างประวัติการรับส่งเมลและข้อความต่าง ๆ ในเครื่อง

ฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ

          - Screenshots มีส่วนควบคุมบนหน้าจอแบบใหม่ที่ช่วยให้การแคปภาพหน้าจอทำได้ง่ายขึ้น และยังมาพร้อมความสามารถใหม่ในการอัดวิดีโออีกด้วย และยังสามารถแชร์ภาพหน้าจอได้ทันทีโดยไม่ต้องเซฟภาพให้เดสก์ท็อปรก

          - Continuity Camera ช่วยให้ผู้ใช้ Mac สามารถถ่ายภาพหรือสแกนเอกสารที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วย iPhone หรือ iPad และภาพนั้นก็จะปรากฏบน Mac ทันที

          - เครื่องมือสำหรับทำเครื่องหมายรวมเป็นส่วนหนึ่งใน Finder, Quick Look และ Screenshots แล้ว ช่วยให้การใส่ความเห็นลงบนคอนเทนต์และแชร์กับคนอื่นกลายเป็นเรื่องง่ายและประหยัดเวลา

          ทั้งนี้ผู้ใช้ Mac สามารถเข้าร่วมโปรแกรม Public Beta ได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ beta.apple.com โดย macOS Mojave จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในช่วงปลายปีนี้สำหรับ Mac ที่วางจำหน่ายตั้งแต่กลางปี 2012 เป็นต้นมา รวมถึง Mac Pro รุ่นปี 2010 และ 2012 ที่มาพร้อมการ์ดกราฟิกที่รองรับ Metal อย่างไรก็ตามในบางฟีเจอร์อาจใช้ไม่ได้ในบางประเทศหรือบางภาษา