เชื่อเลยว่าทั้งผู้ชายที่ผ่านการขริบแล้วและยังไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายออก ต่างก็มีคำถามที่สงสัยว่าการขริบหนังหุ้มปลายเจ้าโลกจะมีผลเสียมากน้อยแค่ไหน แม้ว่าการขริปนั้นจะช่วยให้รักษาความสะอาดเจ้าโลกได้สะดวกยิ่งขึ้นก็ตาม วันนี้เราเลยรวบรวมความเสี่ยงของการขริบอวัยวะเพศชายมาฝากกันครับ
งานวิจัยจากประเทศเดนมาร์ก พบว่า การขริบอวัยวะเพศชายอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะท่อปัสสาวะตีบแคบได้ ซึ่งพบได้มากในผู้ชายที่ทำการขริบตั้งแต่มีอายุยังไม่ถึง 10 ขวบ ซึ่งจะส่งผลให้รู้สึกปวดที่เจ้าโลกขณะขับปัสสาวะ โดยจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างเพศชายจำนวน 3,375 คน ที่ผ่านการขริบหนังหุ้มปลายแล้ว พบว่ามีผู้เป็นโรคดังกล่าว 176 คน อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์บนวารสาร American Academy of Pediatrics ระบุว่า การขริบอวัยวะเพศของเด็กแรกเกิดนั้นมีประโยชน์ในระยะยาว เพราะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ, มะเร็งอวัยวะเพศ, และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ รวมถึงป้องกันการติดเชื้อ HIV ด้วย
มีผลการศึกษาของ Ghent University Hospital ประเทศเบลเยียม ที่ได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างเพศชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ออกเป็น 2 กลุ่ม คือผู้ที่ผ่านการขริบอวัยวะเพศ 310 คน และผู้ที่ไม่ได้ขริบ 1,059 คน ทำการให้คะแนนการรับความรู้สึกของเจ้าโลกขณะมีเซ็กส์ตั้งแต่ 0-5 คะแนน โดยผลการตอบแบบสอบถามข้างต้นชี้ว่า กลุ่มผู้ที่ไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายนั้นมีความรู้สึกตอบสนองของอวัยวะเพศระหว่างมีเซ็กส์เฉลี่ยที่ 3.72 เปอร์เซ็นต์ และ 3.31 เปอร์เซ็นต์สำหรับกลุ่มคนที่ขริบแล้วนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการขริบหนังหุ้มปลายอาจเป็นสาเหตุให้การรับความรู้สึกของอวัยวะเพศชายลดลง
4. ทำให้แฟนสาวไม่ฟินเท่าที่ควร
โดยทั่วไปแล้ว สำหรับผู้ชายที่ไม่ผ่านการขริบอวัยวะเพศ เมื่อมีเซ็กส์กับแฟนสาวโดยการสอดใส่ หนังหุ้มปลายของเจ้าโลกก็ถูกดึงเข้า-ออกเสียดสีกับช่องคลอด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศขณะร่วมรักของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี ส่วนคนที่ขริบแล้ว จะไม่มีการเสียดสีของหนังหุ้มปลาย จึงส่งผลให้อารมณ์ร่วมของการมีเซ็กส์ลดน้อยลงไป รวมถึงอาจทำให้แฟนสาวเจ็บที่เยื่อบุภายในช่องคลอดด้วย
เมื่อได้ทราบอย่างนี้แล้ว หนุ่ม ๆ ที่กำลังคิดว่าจะขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศละก็ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้แน่ใจ ก่อนตัดสินใจเข้ารับการขริปล่ะครับ ถ้าขริบไปแล้ว จะมาบ่นเสียดายทีหลังไม่ได้ เพราะหนังส่วนดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง หรือทำให้เป็นเหมือนเดิมได้ยังไงล่ะครับ
ข้อมูล : dailymail.co.uk, menshealth.com, drelist.com