ใครที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักหรือมีความคิดที่จะทำ แต่มีปัจจัยต่าง ๆ ทำให้ไม่ได้เริ่มสักทีหรืออาจจะออกกำลังกายมาแล้วสักพัก แต่รู้สึกท้อเพราะน้ำหนักลงช้า ก็ลองมาดูประสบการณ์ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองของคุณแบงค์ ที่ได้นำมาแบ่งปันบนเว็บไซต์พันทิปดอทคอมชื่อ “[กระทู้ลดน้ำหนัก] แชร์ประสบการณ์ หนัก 108 เหลือ 75 ภายในเวลาไม่กี่เดือนของคนที่ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ” เรามาดูไปพร้อมกันเลยครับว่า หนุ่มคนนี้มีเทคนิคในการลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง
ภาพเหล่านี้ถ่ายก่อนการลดน้ำหนักของผมครับ ซึ่งตอนนั้นผมทั้งอ้วนทั้งดำ
1. ช่วงแรก 108-84 กิโลกรัม
ช่วงแรกเป็นช่วงที่ผมได้ลองกินอาหารเสริมที่ช่วยบล็อกไขมันและเล่นกีฬาเทนนิสควบคู่กันไป (สัปดาห์ละ 3-4 วัน เล่นวันละ 2-3 ชั่วโมง) ซึ่งผมไม่ได้คุมเรื่องการกินอาหารมากเท่าไรนัก แต่พยายามคุมปริมาณให้น้อยลง โดยลดแป้งและเน้นกินโปรตีนมากกว่า
และนี่คือรูปของผมในช่วงที่น้ำหนักเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ยังบวม ๆ อยู่
ส่วนรูปนี้ถ่ายไว้ในช่วงแรกของการลดน้ำหนัก
จากภาพด้านบน ผมใช้เวลาลดน้ำหนักประมาณ 3 เดือน ลดไปได้ 24 กิโลกกรัม ซึ่งผมรู้สึกค่อนข้างพอใจกับรูปร่าง เพราะผอมลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังดูแห้งไป จึงทำให้ผมอยากดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ จากเดิมที่เป็นคนไม่ชอบแต่งตัวและเซตผมเท่าไร แต่พอน้ำหนักลดลงมาขนาดนี้ ก็ทำให้ผมมีกำลังใจอยากดูแลตัวเองมากขึ้น ฉะนั้นผมอยากให้คนที่กำลังคิดจะลดน้ำหนัก แข็งใจไว้ครับ เพราะเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง คุณจะรู้สึกดีกับตัวเองมาก โดยสิ่งแรกที่ผมคิดได้จะทำหลังจากลดน้ำหนักได้ขนาดนี้คือ “อยากมีกล้าม” ซึ่งการเข้าฟิตเนส คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองช่วงที่สองนั่นเอง
2. ช่วงที่สอง 84-75 กิโลกรัม
ช่วงนี้ผมเริ่มคุมอาหารและดูแลตัวเองอย่างจริงจังมากขึ้น โดยการกินอาหารของผมในแต่ละวันจะเน้นการคุมปริมาณพลังงานและโปรตีนให้เพียงพอต่อการสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงเผาผลาญไขมันในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ช่วงแรกได้จบลง ผมก็หยุดกินอาหารเสริมที่ช่วยบล็อกไขมันไป แล้วหันมากินอาหารเสริมจำพวก BCAA และเวย์โปรตีนแทน
นี่คือตารางการออกกำลังกายของผมในช่วงที่สอง
ผมจะเข้าฟิตเนส 3 วัน และพัก 1 วัน โดยมีตารางตามนี้
วันที่ 1 :
- เดินชัน 30-45 นาที
โดยตั้งค่าระดับความชันอยู่ที่ 15 และความเร็ว 5.0 ครับ ซึ่งทำให้เหงื่อออกเยอะมาก แถมสลายไขมันได้เป็นอย่างดี และหากรู้สึกเบื่อผมก็จะดูหนังกับฟังเพลงผ่าน iPad ครับ อย่างไรก็ดี การเดินชัน 45 นาที ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 500 แคลอรีเลยทีเดียว
- เล่นกล้ามเนื้อ เน้นส่วนอกและแขน
บริหารกล้ามเนื้อส่วนละ 4 ท่า ท่าละ 3 เซต โดยทำเซตละ 8-10 ครั้ง
- เล่นกล้ามท้อง
ฝึกทั้งหมด 3 ท่า ท่าละ 3 เซต โดยฝึกเซตละ 20-30 ครั้ง
วันที่ 2 :
- เดินชัน 30-45 นาที
- เล่นกล้ามส่วนไหล่และขา (นาน ๆ ทีครับ)
ฝึกส่วนละ 4 ท่า ทั้งสิ้น 3 เซต เซตละ 8-10 ครั้ง
- เล่นกล้ามท้อง
ฝึกทั้งหมด 3 ท่า ท่าละ 3 เซต โดยฝึกเซตละ 20-30 ครั้ง
วัน 3 :
- เดินชัน 30-45 นาที
- เล่นกล้ามส่วนหลังและหน้าแขน
ฝึกส่วนละ 4 ท่า ท่าละ 3 เซต โดยทำ 8-10 ครั้งต่อเซต
-เล่นกล้ามท้อง
ฝึกทั้งหมด 3 ท่า ท่าละ 3 เซต โดยฝึกเซตละ 20-30 ครั้ง
จากนั้นผมจะพัก 1 วัน แล้วก็วนไปทำเหมือนวันแรก โดยเพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละนิดและเปลี่ยนท่าบ้าง เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดความเคยชินครับ ซึ่งผมไม่ต้องการที่จะมีกล้ามเนื้อใหญ่มาก แต่เล่นเพื่อลดน้ำหนักมากกว่า แถมเล่นด้วยความเข้าใจของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ถ้าผิดพลาดยังไง ก็ขอโทษด้วยนะครับ มาดูผลของการออกกำลังการในช่วงที่สองกันเลย
นี่คือภาพช่วงที่เริ่มเล่นฟิตเนสใหม่ ๆ สังเกตได้ว่ามีกล้ามขึ้นมาเล็กน้อยและหน้าดูเรียวขึ้นด้วย ดูตามภาพไปเลยนะ
และภาพเซตนี้เป็นช่วงที่น้ำหนักเริ่มอยู่ตัว โดยมีน้ำหนักประมาณ 77 กิโลกรัม เรียกได้ว่าใกล้ถึงฝันแล้ว
โดยอาหารที่ผมเลือกกินในช่วงนี้ จะเน้นพวกอาหารคลีนที่สั่งมา ซึ่งถ้าวันไหนไม่ได้สั่งอาหารคลีน ก็จะกินอาหารจำพวกต้มแทน เช่น ก๋วยเตี๋ยว ชาบู (กินแต่เนื้อสัตว์กับผัก) และ ส้มตำ เป็นส่วนมาก โดยในสัปดาห์หนึ่ง ผมจะกินอาหารปกติ 1-2 มื้อ แต่เน้นกินโปรตีนให้เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายต่อวันมากกว่า แถมผมยังติดใจกินอาหารคลีนกับน้ำพริกด้วยครับ
ส่วนภาพเหล่านี้น่าจะใกล้เคียงกับปัจจุบันสุด ๆ แล้ว เพราะผมมีน้ำหนัก 75 กิโลกรัม โดยผมเป็นคนสูง 183 เซนติเมตร มาดูภาพกันเลยว่าจะแตกต่างกับตอนแรกขนาดไหน
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเรื่องราวดี ๆ ของคุณแบงค์ เชื่อเลยว่าหลายคนจะมีกำลังใจในการลดน้ำหนักไม่มากก็น้อย ยังไงก็ลองทำตามวิธีของหนุ่มคนนี้กันดูนะครับ
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สมาชิกหมายเลข 2224391