x close

12 น้ำหอมผู้ชายสุดคลาสสิกที่หยิบมาใช้ได้เสมอ

น้ำหอมผู้ชาย
น้ำหอมผู้ชายสุดคลาสสิกที่หยิบมาใช้ได้เสมอ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          12 น้ำหอมผู้ชายที่คงความคลาสสิกไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่หนุ่ม ๆ ควรหามาใช้

          แน่นอนว่าน้ำหอมแต่ละแบรนด์ย่อมมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ซึ่งทุกวันนี้ก็มีน้ำหอมรุ่นใหม่หลายแบบให้ผู้ชายได้เลือกใช้กันจนเลือกไม่ถูก แต่วันนี้กระปุกดอทคอมหยิบเอาน้ำหอม 10 รุ่น ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองและได้รับความนิยมมาโดยตลอดจากเว็บไซต์ dmarge มาแนะนำให้ทราบกันครับ

          1. Eau Sauvage จาก Christian Dior

น้ำหอมผู้ชาย
          น้ำหอมขวดนี้ของ Christian Dior ที่วางขายเมื่อปี 1966 ถือว่าการปฏิวัติของวงการน้ำหอมในยุคนั้นเป็นอย่างมาก ด้วยความแปลกใหม่ของกลิ่นที่ประกอบไปด้วย มะนาว โรสแมรี่ รากไม้ และลาเวนเดอร์ ที่ช่วยเติมเต็มสเน่ห์ให้กับผู้ชายได้อย่างลงตัว นอกจากนี้น้ำหอม Eau Sauvage ขวดนี้ ยังถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย เอ็ดมอนด์ รูดนิทสกา (Edmond Roudnitska) นักปรุงน้ำหอมชื่อดังชาวฝรั่งเศสอีกด้วย

         2. Aramis จาก Aramis
น้ำหอมผู้ชาย

          นับว่าเป็นแบรนด์คลาสสิกแบรนด์หนึ่งสำหรับน้ำหอม Aramis ที่หนุ่ม ๆ หลายคนนิยมใช้ เพราะมันมีกลิ่นหอมละมุนของหนัง โดยเพิ่ม ไม้จันทน์ เครื่องเทศ และเบอร์กามอต ซึ่งให้กลิ่นที่หนักแน่นเฉพาะตัว บ่งบอกความเป็นชายได้อย่างชัดเจน

         3. Pour Monsieur จาก Chanel

น้ำหอมผู้ชาย
          อองรี โรแบร์ (Henri Robert) นักปรุงน้ำหอมรุ่นแรก ๆ ของ Chanel ผลิตน้ำหอม Pour Monsieur ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1955 และวางขายทั่วโลกในปี 1989 ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าน้ำหอมรุ่นนนี้ยังคงรักษากลิ่นแบบดั้งเดิมมาตลอด เพราะไม่เคยเปลี่ยนส่วนผสมใด ๆ เลย โดยน้ำหอมขวดนี้มีกลิ่นหอมเหมือนผลส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ให้ความสดชื่นเป็นพิเศษ บวกกับส่วนผสมอย่าง มะนาวซิซิลี น้ำมันเนโลรี ดอกเวอร์บาน่า และส้ม ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของใครหลายคน

         4. Colonia จาก Acqua di Parma

น้ำหอมผู้ชาย
          Colonia เป็นน้ำหอมรุ่นแรกของ Acqua di Parma ที่ผลิตขึ้นเมื่อปี 1916 และเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนั้น ซึ่งกลิ่นของมันประกอบด้วย เบอร์กามอต มะนาว ซิตรัส ดอกกุหลาบบัลแกเรีย ลาเวนเดอร์ และโรสแมรี่ ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ทำให้มีกลิ่นที่เป็นธรรมชาติบวกความคลาสสิก ส่งผลให้ Colonia เป็นน้ำหอมกลิ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบันเลยทีเดียว

         5. L’Eau d’Issey จาก Issey Miyake

น้ำหอมผู้ชาย
          แรกเริ่มเดิมที่ Issey Miyake สร้างน้ำหอม L’Eau d’Issey ให้กับผู้หญิง ในปี 1992 และเพิ่มเบอร์กามอตเข้ามา เพื่อปรับให้เป็นกลิ่นของผู้ชายเมื่อปี 1994 โดยมีส่วนประกอบหลัก ๆ เช่น ซินเนมอน หญ้าแฝก ไม้จันทน์ เบอร์กามอต และลูกจันทน์เทศ ทำให้มีกลิ่นหอมสดชื่นและนุ่มนวลไปพร้อม ๆ กัน   

         6. Blenheim Bouquet จาก Penhaglion’s

น้ำหอมผู้ชาย

          Penhaglion\'s ผลิตน้ำหอมขึ้นเมื่อปี 1902 และตั้งชื่อว่า Blenheim Bouquet ตามปราสาท Blenheim ของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งผสานด้วย ลาเวนเดอร์ มะนาว พริกไทยดำ และต้นสน ทำให้มีกลิ่นหอมสดชื่นตามแบบฉบับของเมืองผู้ดีและเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นเหนือกาลเวลาจริง ๆ ด้วยอายุกว่า 100 ปีของมันนั่นเอง แต่ก็ยังมีหนุ่ม ๆ นิยมใช้น้ำหอมรุ่นนี้กันอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย

         7. Vetiver จาก Guerlain

น้ำหอมผู้ชาย

          น้ำหอมสีเขียวสดใสของ Guerlain ที่ผลิตออกมาในปี 1958 เด่นด้วยกลิ่นของซิตรัส ผสมกับหญ้าแฝกและโอ๊คมอสได้พอดิบพอดี สร้างความหอมที่ตราตรึงในแบบของผู้ชายได้อย่างลงตัว ชนิดที่สาวไหนได้กลิ่นก็ยากที่จะอดใจไหว 

         8. Armani Eau Pour Homme จาก Giorgio Armani

น้ำหอมผู้ชาย

          หนุ่ม ๆ ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ น่าจะหลังรักน้ำหอมรุ่นนี้จาก Giorgio Armani ได้ไม่ยาก เพราะมีทั้งกลิ่นของ ซิตรัส ไม้จันทน์ ลาเวนเดอร์ และดอกมะลิ บวกกับความสดชื่นจาก ส้มซิซิเลีย มะนาว และซีดาร์ ทำให้มีกลิ่นที่โดดเด่นในตัวของมันเองและยังคงความคลาสสิกมากว่า 30 ปีอีกด้วย

         9. Green Irish Tweed จาก Creed

น้ำหอมผู้ชาย

          เรียกได้ว่าน้ำหอม Green Irish เป็นรุ่นที่สร้างชื่อให้กับ Creed ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำหอมแถวหน้าของอังกฤษ เพราะพระเอกรุ่นใหญ่จากฮอลลีวูดอย่าง คลินท์ อีสต์วู้ด, เพียร์ซ บรอสแนน รวมถึงรัสเซล โครว์ ต่างใช้น้ำหอมรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยความหอมแบบแมน ๆ จาก ไม้จันทน์ ใบไวโอเล็ต ดอกเบอร์วาน่า และแอมเบอร์กริส แถมมีกลิ่นของมะนาวที่ให้ความสดชื่นติดตัวตลอดวัน

         10. Sables จาก Annick Goutal

น้ำหอมผู้ชาย

          แม้ว่าน้ำหอม Sables ขวดนี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอันหอมหวานจาก ดอกอิมมอร์แทลล์ เมเปิล และวนิลา แต่ก็แฝงความเป็นชายที่นุ่มลึกด้วยเครื่องเทศ ไม้จันทน์ ซินเนมอน และพริกไทยดำ ซึ่งช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัวตลอดทั้งวัน ไม่เพียงเท่านี้  แฮริสัน ฟอร์ด นักแสดงชื่อดังจากเรื่อง Indiana Jones ก็ใช้น้ำหอมรุ่นนี้อีกด้วย

         11. Classic 1920 จาก Bois 1920

น้ำหอมผู้ชาย

          แค่ชื่อรุ่นของน้ำหอมก็แสดงถึงความคลาสสิกแล้ว ด้วยกลิ่นที่หอมละมุนของเครื่องเทศหลายชนิดและมีกลิ่นของส่วนผสมอื่น ๆ เช่น เบอร์กามอต โหระพา ปาปริกา ดอกมะลิ ซีดาร์ แอปริคอต และลาเวนเดอร์ ทำให้น้ำหอม Classic 1920 ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อีกทั้งยังเหมาะที่จะใช้ในทุกโอกาสด้วย

         12. Joop ! Homme จาก Joop

น้ำหอมผู้ชาย
          เพียงแค่เปิดน้ำหอมขวดนี้ คุณก็จะได้กลิ่นหอมของ ส้มแมนดาริน มะนาว และเบอร์กามอต ที่ผสมผสานกันเป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่นได้อย่างลงตัว บวกกับกลิ่นหอมชื่นใจจาก ดอกลิลลี่ ดอกมะลิ วนิลา และพิมเสน ช่วยให้คุณผู้ชายมีกลิ่นกายที่เซ็กซี่และอบอุ่นไปพร้อมกัน 

          เป็นอย่างไรกันบ้างกับน้ำหอมที่มีกลิ่นสุดแสนจะคลาสสิกทั้ง 12 รุ่นข้างต้นที่เรานำมาแนะนำกัน เชื่อว่าหากหนุ่ม ๆ คนไหนได้สัมผัสกับกลิ่นของน้ำหอมเหล่านี้แล้ว จะต้องติดใจแน่นอนครับ






ขอขอบคุณภาพประกอบจาก dior.com, scentsplash.com, parfumo.net, acquadiparma.com, perfume.com, aperfume.info, lojademo.com.br, fragrancex.com, myfume.com และ fragrancemad.com






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
12 น้ำหอมผู้ชายสุดคลาสสิกที่หยิบมาใช้ได้เสมอ อัปเดตล่าสุด 8 ตุลาคม 2558 เวลา 15:01:08 5,106 อ่าน
TOP